เธอชื่อกุ้ง คิดบวกความสุขในมุมเล็กๆ
เธอชื่อกุ้ง กุ้งคือชื่อเธอ…เธอผู้ที่เป็นทุกอย่างของทุกคน พ่อ แม่ และลูกสาววัย 13 ปี ลูกสาวที่สูญเสียพ่อเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่ยังไม่หัดตั้งไข่ 10 กว่าปีที่ผ่านมาทุกอย่างจึงตกเป็นภาระ ไม่ใช่ภาระซิ! ทุกอย่างจึงตกเป็นหน้าที่ของเธอ…เพราะเธอคือทุกอย่างของทุกคนนั้นเอง
ใครอยากอ่านเรื่องราวของเธอ ตาม Timmy มาเลยครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง
เธอทำงานที่ ธกส.หรือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในเมืองชนบทแห่งหนึ่งทางภาคอีสานของประเทศไทย ปลายปี 2561 หลังจากเลิกงานมาหลายชั่วโมงกองเอกสารที่อยู่ตรงหน้าก็ยังเคลียร์ไม่จบ จะ 3 ทุ่มแล้ว
“ปวดหัว….กลับบ้านก่อนเถอะพรุ่งนี้ค่อยเคลียร์ต่อ” เธอตะโกนบอกเพื่อนร่วมงานที่ยังสุมหัวอยู่กับโต๊ะทำงานใกล้ๆ
“พี่กุ้งกลับก่อนก็แล้วกันคะของหนูเหลืออีกนิดเดียวก็จบ”
“OK ถ้าอย่างนั้นพี่กลับก่อนนะ วันนี้ปวดหัวมากๆ ไม่ไหว”
“คะ…”
แสงไฟสีขาวจากรถฮอนด้าซีวิคสีดำสาดนำทาง ความมืดตอน 3 ทุ่มของเมืองในชนบทเงียบกริบ คงเหลือแต่สุนัข 3 – 4 ตัวที่เดินเพ่นพ่านตัดแสงไฟหน้ารถไปมา ผู้คนส่วนหนึ่งเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตรไม่ทำให้สิ่งที่อยู่ในหัวเบาบางลงเลยแม้แต่น้อย พอมาถึงบ้าน พ่อ แม่ และลูกสาวเธอก็ยังไม่หลับ
“อาบน้ำเข้านอนแล้วนะแม่ กุ้งปวดหัว”
พ่อกับแม่ได้แต่นอนฟังเสียงเธออาบน้ำ เมื่อเสียงในห้องน้ำเงียบ โคมไฟนีออนชั้นล่างหลอดสุดท้ายจึงดับลง มีเพียงแสงไฟจากในห้องนอนที่อยู่ชั้น 2 เท่านั้นยังคงสว่างสำหรับเธอ….ไม่นานเสียงลูกสาวจึงดังขึ้น
“แม่….แม่….แม่เป็นอะไร… แม่…ตา ยาย ช่วยแม่หนูด้วย แม่ อย่าเป็นไรนะ อย่าทิ้งหนูไปอีกคนนะแม่ แม่ แม่….ตา ยาย ช่วยแม่ด้วย ช่วยแม่หนูด้วย”
พี่สาวที่อยู่บ้านข้างๆ กันถูกปลุกให้ตื่นกลางดึก ร่างเธออ่อนปวกเปียกขณะรถกระบะยังไม่ถึงครึ่งทางจากบ้านไปโรงพยาบาลประจำอำเภอด้วยซ้ำ
“แม่อย่าทิ้งหนูนะ แม่…..” และเมื่อมาถึงจุดที่สามีเธอเสียชีวิต เสียงลูกสาวก็ดังขึ้นอีก “พ่อขา ช่วยแม่ด้วย อย่าเอาแม่หนูไป หนูจะอยู่กับใคร พ่อ พ่อขา ช่วยแม่หนูด้วย”
พอถึงจุดหมาย เธอก็ถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่อยู่ห่างออกไปกว่า 64 กิโลเมตร และอีก 1 ชั่วโมงกับ 30 นาทีต่อมา รถพยาบาลก็มาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัด รถกระบะพี่สาวขับตามหลังมาก็ถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน แพทย์พยาบาลวิ่งกันให้วุ่น สุดท้ายแพทย์เวรก็ออกมาบอกกับพี่สาวของเธอว่า
“เส้นเลือดในสมองของคนไข้แตก หมออยากให้ญาติทำใจ เราช่วยคนไข้ไม่ทันจริงๆ หรือหากต้องการให้เธอจากไปอย่างสงบไม่เจ็บปวดหมอก็ยินดีจะฉีดยาสลบให้”
“ไม่……….”
โทรศัพท์ถูกใช้งานพร้อมกันหลายเครื่อง ประสานงานกับทุกคนทุกหน่วยงานต้นสังกัดที่เธอทำงานอยู่ ผู้ใหญ่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรระดับจังหวัดถูกเพื่อนเธอปลุกกลางดึกสรุปได้ความเห็นว่า
“ถึงอย่างไรก็ต้องส่งเธอไปโรงพยาบาลในจังหวัดขอนแก่นที่มีเครื่องไม้เครื่องมือและทีมแพทย์พร้อมกว่านี้”
ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางไม่น้อยกว่า 4 – 5 ชั่วโมง เธอจะไหวไหมน้อ…. อดทนนะกุ้ง ผมได้แต่ภาวนาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ บนถนนแฮปปี้แลนด์ กรุงเทพฯ ในที่สุดโรงพยาบาลประจำจังหวัดก็ยอมออกหนังสือส่งตัวให้ โดยแจ้งว่าเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาล โชคดีที่วินาทีนั้นทั้งพ่อและแม่รวมทั้งพี่สาวไม่มีใครยอมแพ้
พอเธอมาถึงโรงพยาบาลที่ว่า ทีมแพทย์ก็ได้ฉีดสีดูการไหลเวียนของโลหิต ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่า เคสของเธอเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลอีกครั้ง
สวรรค์ได้โปรด ช่วยเธอแค่คนเดียวก็เท่ากับได้ช่วยเหลืออีก 3 ชีวิต พ่อแม่และลูกสาววัยแค่ 13 ปีขาดเธอไม่ได้ เธอคือทุกอย่างของพวกเขา อย่างพึ่งพรากเธอไปในเวลานี้เลย คำภาวนาของผู้คนที่ทราบข่าวต่างดังกึกก้องในห่วงของความสงบ ใครไปบนบาลศาลกล่าวที่ไหนได้ก็ไม่รอช้า เพราะเธอคนนี้คือทุกอย่างของอีก 3 ชีวิตจริงๆ
ในที่สุดสวรรค์ก็มีตา เมื่อผู้ใหญ่ในธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้เดินเรื่องทุกช่องทางเพื่อจะรักษาชีวิตของเธอให้ได้ ในที่สุดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในกรุงเทพฯ ก็ตอบรับ แต่อาการของเธอยังน่าเป็นห่วง เป็น-ตายเท่ากัน จนหลายคนหายใจไม่ทั่วท้อง แพทย์ก็ไม่กล้าการันตี บอกให้ญาติเตรียมทำใจทีมแพทย์จะช่วยเหลือให้ดีที่สุด ผมไปเยี่ยมเธอในเช้าวันนั้น เธอยังมีสติ ผมกำมือเธอไว้แน่นก่อนจะกระซิบบอกเธอผู้เปรียบเสมือนน้องสาวว่า
“สู้นะกุ้ง พี่จะเอาใจช่วยรวมกับพี่สาว พี่ชาย พ่อ แม่และลูกสาวที่น่ารักของเธออยู่นอกห้อง”
เมื่อเธอผ่านขั้นตอนก่อนเข้าห้องผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว วันต่อมาซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ทีมแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าพร้อมกับนายแพทย์ที่เกี่ยวกับโรคประสาทรวมทั้งนักศึกษาแพทย์ที่ต้องการศึกษาเคสของเธอก็พร้อมกันในห้องผ่าตัด ผมและพี่สาวพี่ชายรวมทั้งพ่อแม่ และลูกสาวส่งเธอเข้าห้องหลัง 9 โมงเช้านิดๆ ระหว่างรอที่หน้าห้องผมพยายามชวนทุกคนคุยเรื่องทาง Positive ด้านบวกเป็นหลัก พูดให้กำลังใจ พูดให้ทุกคนหัวเราะ เมื่อหัวเราะสติที่ขาดหายก็จะกลับคืนมา เมื่อมีสติการรอคอยหลายชั่วโมงก็จะผ่านไปเร็วขึ้น ผมขุดเอาประสบการณ์ครั้งที่แม่เข้าผ่าตัดทำบายพาร์ทเส้นเลือดเข้าสู่หัวใจมาใช้งาน ผมรู้ว่าการจดจ่ออยู่กับประตูหน้าห้องมันทรมานเพียงใด เมื่อทุกคนหัวเราะ ทุกคนก็เริ่มหิวข้าว เมื่อคนหนึ่งกินข้าว คนที่ 2 3 4 ก็จะรู้สึกหิวตามๆ กันไป เมื่อท้องอิ่มพลังงานเกิด หลายคนก็เบาใจ เมื่อทุกคนเบาใจก็มีสติคิด พลังงานด้านบวกก็ถูกเติมเต็ม จิตอธิฐานคำภาวนาก็จะมีน้ำหนัก สวรรค์เห็นเราชัดเจน พระเจ้าได้ยินเสียงเราและพระเจ้าก็จะเพ่งสายตามายังเรา ผมเชื่ออย่างนั้น ทั้งๆ ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้มาก่อนเลยในชีวิต
เรานั่งๆ นอนๆ อยู่ตามระเบียงทางเดินชั้น 5 กุ้งถูกเข่นเข้าห้องผ่าตัด 9 โมงเช้านิดๆ…กว่านายแพทย์จะออกมาแจ้งข่าวก็เกือบตี 2 ของอีกวัน
“กระบวนการผ่าตัดเป็นไปด้วยดีนะครับคุณแม่” เพียงแค่นั้นก็ทำให้น้ำตาของหลายคนล้นทะลักแบบไม่ทันตั้งตัว
“ต่อไปก็รอแค่เธอฟื้น แต่หมอไม่รับปากนะครับว่าเธอจะกลับมาปกติ 100 % ”
“ไม่เป็นไรคะคุณหมอ ขอแค่ให้เธอตื่น จะกลับมากี่เปอร์เซ็นต์อิฉันก็เลี้ยงได้” แม่เธอพูดปนสะอื้นพลางรับปากกับคุณหมออย่างคนเชื่อมั่น เรากล่าวขอบคุณเพราะไม่มีอะไรจะตอบแทนได้ดีกว่านี้อีกแล้ว คุณหมอยิ้มให้เราแบบคนให้กำลังใจ ซึ่งมันเป็นยาวิเศษช่วยชโลมหัวใจให้ชุ่มชื่นขึ้นมาได้ทันที
และเช้าวันต่อมาผมทราบข่าวดีจากพี่สาวของเธอว่า…เธอตื่นแล้ว เธอจำพี่สาวได้ บอกให้ยกแขนเธอก็ยก เข้าใจทุกอย่าง ผมตื่นเต้นสุดๆ จึงไปเยี่ยมเธอในช่วงบ่าย
ภาพหญิงสาวหัวโล้นนอนอยู่บนเตียงพยาบาลสีขาวในห้อง ไอ.ซี.ยู จ้องมาทางผม แถมยังยิ้มบางๆ ให้เห็นระหว่างเดินตรงเข้าไปหา ผมเกือบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอเอ่ยคำว่าสวัสดีแต่ไม่มีเสียง
“เพียงเท่านี้ก็มากพอแล้วละ” ผมบอกให้เธอลองยกแขน เธอก็ยกแขน บอกให้กำบีบมือผมแน่นๆ เธอก็ทำได้ ผมนึกถึงคำภาวนาที่เราร่วมกันส่งจิตอธิฐานเมื่อวาน…มันได้ผล พลังด้านบวกช่วยให้เธอรอด พลังด้านบวกเสริมพลังให้เธอเข้มแข็งขึ้น พลังด้านบวกช่วยให้หายใจได้โล่งขึ้น เมื่อหายใจโล่งสุดปอด วันพรุ่งนี้ก็ยังรอให้ผ่านสู่อนาคตอีก 1 วัน
หลังจากนั้น 7 วันทีมแพทย์ก็อนุญาตให้เธอกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ นับว่าร่างกายของเธอฟื้นตัวเร็วมากๆ อีก 2 อาทิตย์ต่อมาเธอก็สามารถเดินเองโดยไม่ต้องอาศัยสามขาอลูมิเนียม และเมื่อเธอกลับมาพบแพทย์อีกครั้ง ภาพเธอสามารถเดินเองโดยไม่มีคนคอยประคองก็ทำให้ทีมแพทย์แปลกใจ แปลกใจที่เธอฟื้นตัวได้เร็วจนเกือบเป็นปกติในเวลาไม่ถึง 2 เดือนดี
อันดับแรกผมต้องขอบคุณทีมแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าจากใจจริงนะครับ ถัดมาต้องขอบคุณทีมประสานงานที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด ขอบคุณผู้ใหญ่ในธนาคารเพื่อเกษตรและสหกรณ์การเกษตรต้นสังกัดเพราะสิ่งท่านทำมันทำให้ผมหลงรักธนาคารแห่งนี้แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว และอันดับถัดไปเห็นจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รับคำภาวนาจากพวกเรา ถึงท่านๆ จะมีตัวตนหรือไม่มี แต่ท่านก็ได้เข้ามาอยู่ในใจผมเรียบร้อยแล้ว
ครับทุกเรื่องทุกเคสหากเรามีความหวัง อยู่กับด้าน Positive พลังด้านบวกจะส่งเสริมสิ่งดีๆ ย้อนกลับมาหาเราเอง
คิดบวก ความสุขในมุมเล็กๆ ตอน “เธอ” ก็ได้แต่หวังว่าบทความสั้นๆ เรื่องนี้จะเป็นแรงบันดาลใจ…กำลังใจให้อีกหลายๆ คนมีความหวัง เมื่อมีความหวังใบหน้าก็จะแจ่มใส เมื่อใบหน้าแจ่มใสใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้ๆ การประสานงานเพื่อขอความช่วยเหลือต่างๆ ก็จะราบรื่น….เจอกันใหม่ตอนหน้า โชคดีและสวัสดีครับ