Iyarin หัวใจเธอพิชิต มะเร็งต่อมน้ำเหลือง คิดบวกความสุขในมุมเล็กๆ
เมื่อ 6 ปีที่แล้ว
“ฮัลโหล…สวัสดีคะคุณหมอ”
#ไอยริน…ผลตรวจจากห้องแล็บสรุปแล้วนะ…พรุ่งนี้หมออยากให้พาญาติหรือเพื่อนมาด้วยสักคนหรือ 2 คน#
“ไม่เป็นไรคะคุณหมอ ดิฉันบรรลุนิติภาวะแล้ว รับผิดชอบตัวเองได้ กี่โมงคะ”
#แบบนั้นก็ได้….ประมาณ 10 โมงเช้า#
“ขอบคุณคะ”
10.00 น. วันต่อมา
“สวัสดีคะคุณหมอ”
“สวัสดีครับ นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน…”
“ไม่เป็นไรคะ ดิฉันพร้อมแล้ว”
“ไอยริน…สิ่งที่คุณและผมสงสัย ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องจริงแล้วละครับ”
สาวสวยรูปร่างบอบบาง…ที่มีเรือนผมสีดำยาวสลวยปิดสะโพกกลมๆ…วัย 45 จะย่างเข้า 46 ปีนั่งอึ้งไม่แสดงอาการใดๆ ให้เห็น เธอจ้องใบหน้านายแพทย์หนุ่มราวกับไม่มีเขาอยู่ตรงนั้น
“คุณไอยรินครับ”
เธอสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ที่วังเวง “ขา ค่ะ คะ คุณหมอ”
“คุณเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอย่างที่เราสงสัยตั้งแต่ต้นจริงๆ”
“ระยะที่เท่าไรคะ”
“ระยะสุดท้าย”
เธอนิ่งอีกเป็นครั้งที่ 2 ราวกับรูปปั้นเทพีแกะสลักได้อย่างงดงามและลงตัว สักครู่ดวงตาไม่เหลือความรู้สึกก็กลอกกลิ้งวนเป็นวงกลม ก่อนเธอจะตัดสิ้นใจถาม “ดิฉันมีเวลาอีกนานแค่ไหนคะ”
“ไม่เกิน 6 เดือนครับ”
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของโรคมะเร็ง มักเกิดขึ้นในเพศชายเป็นส่วนใหญ่ ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าในปี 2011 มีผู้ป่วยจำนวน 1132 ราย พบผู้ป่วยจำนวน 12% เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กิน (HL) และผู้ป่วยจำนวน 88% เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนอนฮอดจ์กิน (NHL)
ประเภทของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กิน (HL) และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนอนฮอดจ์กิน (NHL) มะเร็งต่อมน้ำเหลืองนอนฮอดจ์กิน (NHL) เป็นมะเร็งชนิดที่พบบ่อยที่สุด
สามารถแบ่งเป็น 2 ชนิดหลักๆ คือ ชนิดค่อยเป็นค่อยไปและชนิดรุนแรง ประเภทของเซลล์มะเร็งชนิดนี้แบ่งเป็น B-cell และ T-cell แต่จะพบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด B-cell เป็นส่วนมาก
สาเหตุของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น
- การติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น การติดเชื้อไวรัสเอชทีแอลวี (Human T-lymphocytic virus – HTLV), การติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์, การติดเชื้อไวรัสอีบีวี (Epstein-Barr virus – EBV) ของทางหายใจ เป็นต้น
- การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น เชื้อเอชไพโลไร (Helicobacter pylori) ที่ทำให้เกิดกระเพาะอาหารอักเสบ
- การมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น โรคเอดส์, โรคไขข้ออักเสบ, การกินยากดภูมิคุ้มกันในการรักษาโรคโดยการปลูกถ่ายอวัยวะ (เช่น ปลูกถ่ายไต) เป็นต้น
- เป็นโรคภูมิแพ้ตนเองบางชนิด เช่น โรคต่อมไทรอยด์อักเสบชนิดไม่ติดเชื้อ
- ปัจจัยทางพันธุกรรม การเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของพันธุกรรมบางชนิด เพราะพบโรคนี้ได้สูงขึ้นในครอบครัวที่ป่วยเป็นโรคนี้ (พี่น้องอาจเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองตามลำดับหรือเป็นพร้อมกันได้)
- การสัมผัสวัตถุทางเคมีที่เป็นสารก่อมะเร็ง เช่น การสัมผัสยาฆ่าแมลง น้ำยาย้อมผม เป็นต้น
- อาจเกิดจากสิ่งแวดล้อม เพราะพบโรคนี้ได้สูงกว่าในคนที่มีอาชีพเกษตรกรรม
- การกินอาหารพวกโปรตีนและไขมันสูง
- เคยรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กิน
- การที่ร่างกายมีความเป็นกรดในระยะเวลานานก็เป็นสาเหตุทั่วไปที่ทำให้เซลล์ต่อมน้ำเหลืองกลายเป็ยมะเร็งได้
อาการมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
อาการที่โดดเด่นของโรคนี้ คือ มีก้อนบวม (ของต่อมน้ำเหลือง) ซึ่งมักเกิดขึ้นที่ข้างลำคอนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นแรมเดือน โดยจะมีลักษณะแข็ง คลำได้ ไม่รู้สึกเจ็บ และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 1 เซนติเมตร บางรายอาจมีก้อนที่ขึ้นรักแร้หรือที่ขาหนีบ และบางรายอาจมีก้อนขึ้นพร้อมกันหลายแห่ง
ผู้ป่วยอาจมีอาการที่เกิดจากก้อนมะเร็งต่อมน้ำเหลืองไปกดถูกอวัยวะต่างๆ เช่น มีอาการไอเจ็บแน่นหน้าอก หายใจลำบาก หน้าบวมคอบวม แขนบวม ถ้าโรคเกิดในช่องอก, มีอาการปวดท้อง ท้องอืดท้องผูกเบื่ออาหาร ดีซ่าน ถ้าโรคเกิดในช่องท้อง ท้องเดิน ลำไส้ไม่ดูดซึมอาหารมีอาการน้ำหนักตัวลดลง
ถ้าโรคเกิดในลำไส้เล็ก มีอาการขาบวมจากภาวะอุดกั้นทางเดินน้ำเหลือง
ถ้าโรคเกิดที่ขาหนีบ มีอาการปวดหัว แขน ขาหนีบอ่อนแรง
ถ้าโรคเกิดในสมองไขสันหลัง หรือระบบประสารทเป็นต้น ผู้ป่วยอาจมีไข่เรื้อรังโดยไม่สามารถตรวจพบสิ่งผิดปกติอื่นๆ หรืออาจมีไข้สูงอยู่หลายวันสลับกับไม่มีไข้ อาจมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลง เหงื่อออกชุ่มตัวในตอนกลางคืนหนาวสั่นหรือคันตามผิวหนัง ในระยะต่อมาเมื่อมะเร็งลุกลามเข้าไขกระดูกจะทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดชนิดต่างๆ ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการซีด มีเลือดออกง่าย (มีจุดเลือดออกหรือจ้ำเลือดตามตัว) และติดเชื้อได้ง่าย
ภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่มักเกิดจากการที่มีก้อนของมะเร็งไปกดหรือทำลายอวัยวะต่างๆ เช่น ทำให้เกิดภาวะอุดกั้นของระบบไหลเวียนเลือดหรือน้ำเหลือง ทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ (อาจทำให้เกิดภาวะไตวายตามมาได้) เป็นต้น
- ถ้ามะเร็งลุกลามเข้าไขกระดูก ร่างกายจะสร้างเม็ดเลือดทุกชนิดไม่ได้ ทำให้เกิดภาวะซีด เลือดออกง่าย และติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งอาจรุนแรงจนเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษได้
- ถ้ามะเร็งลุกลามเข้าสมอง ไขสันหลัง หรือกดเส้นประสาทสันหลัง จะทำให้แขนขาชาหรืออ่อนแรง
- ถ้ามีก้อนมะเร็งที่กระเพาะอาหาร นอกจากจะเกิดภาวะกระอาหารอุดกั้นแล้ว ยังอาจทำให้มีเลือดออกได้ด้วย (อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระดำ)
ระยะของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบ่งออกเป็น 4 ระยะเช่นเดียวกับโรคมะเร็งอื่นๆ แต่ที่แตกต่างคือ จะแบ่งร่างกายออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่เหนือกับส่วนที่อยู่ใต้กระบังลม (Diaphragm) ซึ่งระยะของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ได้แก่
- ระยะที่ 1 เป็นระยะที่โรคมะเร็งเกิดกับต่อมน้ำเหลืองเพียงบริเวณเดียว เช่น บริเวณลำคอ หรือบริเวณรักแร้ เพียงด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว
- ระยะที่ 2 เป็นระยะที่โรคมะเร็งเกิดกับต่อมน้ำเหลืองตั้งแต่ 2 บริเวณขึ้นไป เช่น บริเวณลำคอด้านขวาและซ้าย บริเวณลำคอด้านขวากับรักแร้ด้านขวา แต่ทั้งสองบริเวณจะต้องอยู่ด้านกันของกระบังลม เช่น อยู่เหนือกระบังลมทั้งหมด หรืออยู่ใต้กระบังลมทั้งหมด
- ระยะที่ 3 เป็นระยะที่โรคมะเร็งเกิดกับต่อมน้ำเหลืองทั้งในส่วนเหนือกระบังลมและส่วนใต้กระบังลม เช่น เกิดที่ลำคอร่วมกับขาหนีบ
- ระยะที่ 4 เป็นระยะที่โรคมะเร็งแพร่กระจายเข้าอวัยวะอื่นที่อยู่ห่างไกลออกไป เช่น ไขกระดูก (ที่สำคัญและพบได้บ่อยที่สุด คือ ไขกระดูก) หรือเนื้อเยื่ออวัยวะอื่น ๆ เช่น ตับ และสมอง (สมองเป็นได้ทั้งโรคระยะที่ 1 เมื่อมะเร็งเกิดจากเนื้อเยื่อน้ำเหลืองของสมองเอง หรือเป็นโรคระยะที่ 4 เมื่อโรคเกิดจากต่อมน้ำเหลืองแล้วแพร่กระจายเข้าสู่สมอง)
การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- แนวทางการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง แพทย์จะให้การรักษาด้วยรังสีรักษาหรือยาเคมีบำบัด หรือให้ร่วมกันทั้ง 2 อย่าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งและระยะของโรค เช่น ในรายที่เป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเฉพาะที่ในระยะแรกเริ่มและเป็นชนิดไม่รุนแรง สามารถให้รังสีรักษาเพียงอย่างเดียวได้ ส่วนในรายที่เป็นชนิดรุนแรงหรืออยู่ในระยะท้าย ๆ แล้วจำเป็นต้องให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับรังสีรักษา นอกจากนี้ยังอาจมีการให้ยาอื่น ๆ เสริมด้วย เช่น เพรดนิโซโลน (Prednisolone), สารภูมิต้านทานกลุ่มโมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal antibody), ยากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด เป็นต้น ส่วนในรายที่มีการเกิดโรคกลับเป็นซ้ำ (Relapse) แพทย์จะให้ยาเคมีบำบัดด้วยยาขนาดที่สูง และทำการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell transplantation) ก็มักจะช่วยทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นหรือหายได้
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562
แดดสุดท้ายใกล้จะลับหลังคาเมรุลงไปทุกขณะ บรรยากาศก่อนงานสวดอภิธรรมคืนสุดท้ายจะเริ่มต้น แขกที่มาร่วมงานในชุดสีดำ-ขาวต่างจับกลุ่มคุยกัน เงียบๆ 2 สาววัยดึกแต่ยังสวยไร้ที่ติกับเด็กหนุ่มหน้าตาดีชื่อ Timmy Buto ก็กำลังนั่งคุยกันด้วยกิริยาสำรวมอยู่กับเก้าอี้พลาสติกสีฟ้าราวกับมดดำสามตัวกำลังใช้หนวดยาวๆ ถามไถ่ถึงสารทุกข์สุก-ดิบกันไปมา ขณะที่เงาของยอดเมรุก็ถูกแดดเบนเข้ามาตกใกล้ๆ
“พี่นุ้ยรู้รึเปล่าครับว่าทำไมพี่แคทถึงใส่หมวกไหมพรมตลอดเวลา” เสียงเด็กหนุ่มดังขึ้นมาก่อน
สาวสวยที่มีปานดำเหนือคิ้วซ้าย ยิ้มพร้อมกับส่ายใบหน้ากลมไปมาก่อนเธอจะหันไปถามหญิงสาวคนที่เด็กหนุ่มหมายถึง “เออนั้นนะซิ….ทำไมอะแคท”
“เรื่องมันยาวคะนุ้ย” เธอตอบสั้นๆ ก่อนเด็กหนุ่มจะแทรก
“พี่แคทเป็นไอดอลสำหรับผมเลยนะ ยามใดที่ตัวเองจมเครียด-เหนื่อย-หรือวิตกจริตผมก็จะขุดภาพหญิงสาวบอบบางคนนี้ขึ้นมาปลุกเร้า และมันก็ผ่านไปได้ทุกครั้ง”
“เว่อร์ไปกันใหญ่แล้ว Timmy นิ…ฮิฮิฮิ!…”
“เป็นความจริงครับพี่แคท”
“ชักน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ…”
“ผมขอโทษนะพี่แคท …เรื่องราวของพี่มีคุณค่าในตัวเองหากถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือสักเล่ม-หนังสือเล่มนั้นจะสร้างประโยชน์ทางจิตใจให้กับคนอื่นอีกหลายคน…ถ้ามันหลุดออกจากปากผมมันจะเป็นแค่เรื่องเล่าธรรมดาๆ แต่หากหลุดออกจากปากของพี่มันจะกลายเป็นประสบการณ์-เป็นบทเรียนที่อ่านไม่รู้จบ….”
“เว่อร์มากมายนะเธอเนี้ย!….”
“เรื่องส่วนตัวรึเปล่าแคท”
“เปล่าหรอกนุ้ย ถ้าเรื่องของแคทเป็นประโยชน์กับหลายคนอย่างที่ Timmy พูดจริงๆ…แคทกลับจะดีใจด้วยซ้ำ…”
“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยรึ”
“กว่าจะรอดมาแต่ละครั้งก็สะบักสะบอมอะคะ…แคทเป็นมะเร็ง”
“หา!….อะไรนะ”
“ครับพี่นุ้ย ครั้งนี้คือมะเร็งรอบที่ 2 ของเธอ”
“เมื่อ 5 หรือ 6 ปีที่แล้วขณะที่แคทกำลังลงบอดี้โลชั่น อยู่ๆ มือแคทก็สัมผัสเข้ากับก้อนเนื้อแข็งๆ กลมๆ ที่ต้นคอด้านหลัง เข้าโดยบังเอิญ…แคทจึงไปพบหมอ หมอก็ไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนะ…ก็ยกให้พี่เป็นสารพัดโรค จนพี่คลำเจอเม็ดที่ 2 เม็ดที่ 3 ที่หลังหูและรักแร้ด้านซ้าย ด้วยความที่พี่ชอบค้นคว้าหาข้อมูลนู้น-นี้-นั้นในอินเตอร์เนตอยู่แล้ว พี่ก็เลยไม่รอคุณหมอ พี่เสิร์ชหาข้อมูลราวๆ 1 อาทิตย์ก็พอประมวลได้ว่าเราอาจจะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง…พี่กลัวนะ…กลัวมากด้วย แต่ทำไงได้พี่ก็ต้องสู้อะนะ….พี่กลับไปหาหมอคนเดิมอีกครั้ง แต่คราวนี้พี่เป็นคนวินิจฉัยโรคด้วยตัวเอง โดยมีคุณหมอเป็นผู้รับฟัง คุณหมอท่านก็น่ารักนะ นั่งนิ่งเชียว พอคุณหมอสำรวจตุ่มที่ต้นคอและรักแร้ ท่านเลยถือโอกาสขอชิ้นเนื้อไปตรวจในห้องแล็บ….”
“อู้!…แคทเก่งนะ หาข้อมูลเองด้วย”
“แคทเป็นเลขาคะพี่นุ้ย…การหาข้องมูลให้เจ้านายถือเป็นหน้าที่หลักของแคทอยู่แล้ว….แคทเลยง่ายมากสำหรับเรื่องพวกนี้”
“เป็นผมนะมืดแปดด้านเลยละ”
“พี่เหมือนกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“แล้วต่อจากวันนั้นเกือบๆ เดือนมั่ง แคทก็จำไม่ค่อยได้ คุณหมอท่านเดิมโทรมาแจ้งว่าผลตรวจชิ้นเนื้อจากห้องแล็บสรุปแล้ว ให้พี่เข้าไปพบวันรุ่งขึ้น พร้อมกับกำชับเป็นมั่นเป็นเหมาะให้พี่พาญาติหรือเพื่อนไปด้วยสักคนหรือ 2 คน…ได้ยินคุณหมอพูดแบบนี้ใจพี่ก็เสียแล้วละ สมองคิดวนไป-วนมาจนนอนไม่หลับ สุดท้ายพี่เลยบอกกับคุณหมอกลับไปว่า พี่บรรลุนิติภาวะแล้ว สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ คุณหมอก็น่ารักนะ….ท่านยอม แต่ความจริงนะ ชีวิตพี่ก็มีแต่แม่กับหลวงพ่อ (พ่อพี่แคทบวชเป็นพระ) เท่านั้น เพื่อนเยอะก็จริงแต่ก็ยังไม่อยากให้ใครมารับรู้ เดี๋ยวจะพากันวิตกไปเสียเปล่าๆ”
“แคทเลยไปพบคุณหมอคนเดียวรึคะ”
“คะ….วันรุ่งขึ้นประมาณ 10 โมงเช้าพี่ก็ไปพบคุณหมอคนเดียว มีเพียงพยาบาลที่คุ้นเคยคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ….”
“…………….” เราทั้ง 3 เงียบพร้อมกับเวลาโรยเงารัตติกาลเข้ามาปกคลุมไว้เงียบๆ
“คุณหมอท่านสุภาพคะ ดีมากๆ แนะนำเราทุกอย่างให้กำลังใจเท่าที่จะทำได้….” พี่แคทหยุดกลืนน้ำลายที่เริ่มจะหนืดคอ “แล้วท่านก็สรุปว่าพี่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง…พี่ช็อกขณะที่ได้เตรียมใจเอาไว้บ้างแล้ว จนน้องพยาบาลเข้ามาโอบพี่จากด้านหลัง…พี่ถึงได้สติ”
“เวลานั้นพี่ร้องไห้หรือเปล่าครับ”
“ไม่เลย Timmy จริงๆ นุ้ย…เวลานั้นพี่มึนมากกว่าจะร้องไห้เข้าใจไหม ในใจก็คิดว่า…. ต่อจากนี้ชีวิตฉันจะเป็นอย่างไร ถ้าฉันตายแม่ฉันจะอยู่กับใคร หลวงพ่อจะเป็นทุกข์มากแค่ไหน …ดีนะที่วันนั้นไม่พาพวกท่านมาด้วย ไม่งั้นแคทคงรับไม่ไหวแน่ๆ….ในใจ เอาวะเป็นไงเป็นกัน ถ้าไอยรินจะสมบูรณ์แบบ-สมกับเป็นมนุษย์ ….ไอยรินก็ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อจัดงานศพให้แม่กับหลวงพ่อให้ได้….พี่เลยถามกลับคุณหมอไปตรงๆ ว่า….แคทเป็นมะเร็งระยะไหนคะคุณหมอ….คุณหมอประเมินแคทแป๊บหนึ่งจึงตอบแคทว่า….ระยะสุดท้าย….และพี่ก็ไม่ลังเลจึงถามกลับไปเร็วๆ ว่า… คุณหมอคะ แคทจะอยู่ต่อได้อีกนานแค่ไหน….คุณหมอท่านถอนหายในเฮือกใหญ่ก่อนตอบแคทว่า…ไม่เกิน 6 เดือน….พี่นุ้ย Timmy เวลานั้นพี่มึนไปหมด แต่เราก็ต้องอยู่ต่อให้ได้….ก็พี่ได้บอกไปแล้วละว่า….ฉันเกิดเป็นคน ฉันเป็นลูกสาวคนเดียว ฉันจะต้องอยู่ต่อเพื่อจัดงานศพให้แม่กับหลวงพ่อเสียก่อน….ตั้งแต่วินาทีนั้นเชื่อไหม พี่ไม่เคยร้องไห้อีกเลย พี่เดินเข้าสู่กระบวนการรักษาเพียงลำพัง ต่อสู้กับโรคมะเร็งคนเดียว เป็นไข้ หนาวสั่นก็ต้องลากสังขารหายุกหายากินเอง ยิ่งตอนที่ให้เคมีบำบัดหรือคีโม พี่ทั้งมึนทั้งเป็นไข้ ปวดหัว เส้นผมก็หลุดล่วงจนผมที่เคยยาวเลยสะโพกไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียว ขนในร่างกายทุกส่วนก็หลุดหมด แม้กระทั้งคะมอย (ขนเพชร)”
“อู้!….เวลานั้นแคทไม่มีใครเลยรึ”
“พี่โชคดีอยู่อย่างนุ้ย….พี่โชคดีเรื่องความรัก พี่ชอบผู้หญิงด้วยกันนะ เราเจอกันตอนที่พี่นอนรักษาตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล กระทั้งวันนี้เขาก็ยังไม่ทิ้งพี่ไปไหน”
“อันนี้แหละคือยาวิเศษ”
“ใช่!….Timmy พูดถูก….พี่โชคดีเรื่องความรักนุ้ย…เราเจอกันขณะที่พี่นอนอยู่ในโรงพยาบาล… 6 ปีผ่านไปจนพี่กลับมาเป็นซ้ำในรอบที่ 2 เขาคนเดียวกันก็ยังไม่ทิ้งพี่”
“นี้คือการให้คีโมครั้งที่ 2 เหรอ!….”
“คะ….นี้คือมะเร็งกลับมาเล่นงานพี่ครั้งที่ 2….นุ้ย Timmy คนเราเกิดนะยากมากๆ เลยนะ อยู่ในท้อง 9 เดือน กว่าจะช่วยเหลือตัวเองได้ ….ก็ปาเข้าไป 10 หรือ 20 ปี แต่การตายนะ ง่ายนิดเดียวดูอย่างพี่นันนี้ซิเห็นไหม เธอเข้าโรงพยาบาลไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็ไปซะแล้วหรือถ้าโดนปืนยิงก็ในเสี้ยววินาที ผูกคอตายก็ไม่เกิน 10-15 นาที เห็นไหม….การต้องมีชีวิตอยู่ต่อนี้แหละท้าทายมากๆ สำหรับพี่”
“เพราะผมเห็นพี่แคทมาตั้งแต่แรก รับรู้เรื่องราวของเธอมาตั้งแต่เริ่มต้น เห็นวิธีมองโลกในมุมบวก วิธีคิดบวกๆ ของเธอ ผมถึงยกให้เธอเป็นไอดอล”
“ใช่ๆ…ขนาดพี่ฟังเฉยๆ ยังขนลุกเลย….”
“ถ้าพี่คิดลบ มองโลกแล้วเห็นนรกอยู่ทุกวัน พี่คงไม่รอดตั้งแต่ครั้งแรกแล้วละ….คิดบวก ความสุขในมุมเล็กเกิดแน่นอน เชื่อพี่นะ”
“แน่นอนครับพี่สาว….”