นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร บทที่7 ภายในปราสาทฮันโต
นินจาเลือดซามูไร บทที่7
ภายในปราสาทฮันโต
แสงไฟจากในห้องสาดผ่านผนังบุด้วยกระดาษสาสีขาว ทำให้เห็นทางเดินภายในปราสาทอย่างไม่จำเป็นต้องอาศัยแสงสว่างจากโคมไฟเหนือผนังที่กระจายอยู่ตามทางเดินแคบเลยสักนิด แต่กระนั้นเหล่าคนใช้สตรีที่เดินผ่านไปมาเป็นคู่ๆ ก็ไม่วายจะถือดวงโคมนำทางด้วยความเคยชิน พวกนางเทียวเดินสำรวจความเรียบร้อยไปตามห้องต่างเป็นระยะๆ ไม่นานเงาของซามูไร 4 หรือ 5 คนที่ถูกแสงสะท้อนทาบไปกับผนังก็ปรากฏที่มุมเลี้ยว
#พวกเจ้ากำลังจะไปไหน#เสียงซามูไรคนหนึ่งดังขึ้นห้วนๆ เงาของพวกนางก้มหัวนิดๆ
#พวกข้าจะไปเตรียมของที่ห้องท่านประมุข#
#อือ! ไปได้#สิ้นเสียง เงาของพวกนางก้มหัวให้อีกก่อนจะลุกเดินซอยเท้าสั้นๆผ่านแสงที่ฉายสะท้อนหายลับมุมเลี้ยวไป
(ตามพวกนางไป…) โอสุเกะ ฮิเดะ ส่งเป็นสัญญาณมือ นินจากว่า 20 คนที่กระจายตัวอยู่รีบเก็บเงาให้พ้นจากแสง ก่อนจะไต่ไปตามฝ้าเพดาน ผนังและวิ่งไปตามพื้นในจุดที่ยังเหลือเงารัตติกาลอยู่ ความเร็วไร้เสียงผสานกับการซ่อนพรางทำให้ทั้งหมดหลุดลอดสายตาที่คอยระแวดระวังของเหล่าซามูไรไปได้อย่างง่ายดาย พวกเขาตามคนใช้ทั้งสองขึ้นบันไดสู่ชั้น 3 และชั้น 4 พวกนางเดินซอยเท้าสั้นๆไปหยุดและนั่งลงหน้าประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ สักพักมันก็ถูกเลื่อนออกจากคนใช้อีก 2 คนที่ประจำอยู่ด้านใน พวกนางเอามือทั้งสองข้างแตะพื้นก้มศีรษะให้ซามูไร 2 คนที่นั่งยามอยู่หน้าประตูอีกชั้น
#อื้อ!…#ซามูไรคนหนึ่งคำรามเสียงไม่หลุดออกมาจากลำคอ พยักหน้าอนุญาต ทั้ง 2 ยกถาดไม้ที่นำมาด้วยเดินลึกเข้าไปยังประตูอีกชั้น ทันทีที่บานเลื่อนถูกเปิดออก นินจาในชุดพลางสีดำก็เผยตัวตรงเข้าไปสังหารซามูไรและคนใช้ทั้งหมดทันที
ภายในปราสาทฮันโต… “เพล้ง!…ชิโนบิ” เป็นเสียงถาดไม้ใส่ผ้าหลุดจากมือคนใช้อีกสองคนที่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เสียงกรีดร้องราวกับฟ้าลั่นพร้อมกันนั้นเลือดสีแดงฉานก็พุงกระฉูดออกจากลำคอ นารุกดร่างสาวใช้ที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกันติดกับพื้นจนแน่นิ่ง แต่เสียงตะโกนของพวกนางเมื่อสักครู่ได้ปลุกคนทั้งปราสาทให้ตื่นขึ้นมาแล้วในเวลานี้
“สังหารซาซากุมิ” เสียงของเค็นจิดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ประตูบานเลื่อนทุกบานถูกเปิดออก กลายเป็นโถงโล่งทะลุถึงกันเกือบทุกห้อง และนาทีเดียวกันนั้นซามูไรนับร้อยที่ซ่อนตัวอยู่ก็กระโจนเข้ามาล้อมพวกเขาไว้
“กับดักของไอ้ผิดเพศ…” เสียงใครอีกคนดังข้ามชั้นเตือน
(คุณชายตามข้ามา) เสียงสื่อจาก โอสุเกะ ฮิเดะ “ถอนตัว…” และก็เป็นฮิเดะที่เป็นคนออกคำสั่งเมื่อเห็นว่ากำลังตกเป็นรอง
“สังหารไอ้ซาซากุมิ” แต่จุดยืนของอิเงะสึงิ เคนซึก็ยังไม่เปลี่ยน
“จะยังถอนตัวไม่ได้ พี่น้องเรากำลังตกอยู่ในอันตราย” เซดะสวนกลับ พร้อมจะกระโจนเข้าไปร่วมวง แต่มือของ โอสุเกะ ฮิเดะ ก็รวบตัวเขาเอาไว้ได้ทัน
(คุณชายเราพลาด…) “ถอนตัว”
“สังหารไอ้ซาซากุมิ…ให้ได้” และเสียงของเค็นจิจากอีกห้องก็ยังแข็งขืนสมทบ
(พวกเขาคือพี่น้องเรา…พี่น้องอูคาชิ) เซดะตอบกลับพยายามสะบัดให้หลุด แต่ก็ไม่สำเร็จ
(มันคือวิถีของชิโนบิ…คุณชายเราต้องไปแล้ว)
“ไม่!…” และในที่สุดเซดะก็หลุดจากโอสุเกะ ฮิเดะจนได้ เขาพุ่งลงสู่กลางสังเวียนที่เต็มไปด้วยเลือด วงดาบเสี้ยวจันทราในมือกระชากวิญญาณซามูไรทีเดียว 5 คน และอีก 2 คนที่วิ่งเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิต เขาหมุนตัวดึงดาบคาตานะในมือของเหยื่อที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น และเพลงดาบคาตานะของนินจาในชุดพรางสีดำก็เริ่มต้นขึ้น
“อ๊าก!ๆ….มา เข้ามา” เซดะแผดเสียงสูงพร้อมกับกระโจนข้ามหัวซามูไรหลายคนเข้าไปช่วยเพื่อนที่กำลังถูกต้อนให้จนมุม ร่างของซามูไร 3 คนขาดเป็น 2 ท่อนในดาบเดียว เลือดสีแดงพุ่งตามปลาบดาบที่ตวัดสู่เพดาน
“คุณชาย!”
“กุโบะคุง…เจ้าไม่เป็นไรนะ…” เซดะถาม แต่กุโบะก็ยังตื่นกับเพลงดาบคาตานะในมือนินจาอย่างเขา
“ข้า ข้าไม่เป็นไรคุณชาย”
“ดีแล้วรีบนำพี่น้องถอนตัว…” เซดะสั่งเสียงดัง ตะขอเหล็กกับสายปานพาร่างของนินจาหลายคนลอยทะลุผ่านฝ้าเดานสู่หลังคา
“ข้าต้องสอบอัครนินจัตสึให้ผ่านในคืนนี้” กุโบะย้ำและแข็งขืนในที เขาหันหลังชนกับเซดะพร้อมกับร่ายเพลงดาบจนเกิดสะเก็ดไฟ แป๊บๆ ฉายเงาคนทั้งคู่วูบวาบประดุจภาพที่ต่อไม่ติด
“ฆ่าไอ้ซาซากิมิ…” เสียงเค็นจิดังใกล้เข้ามาอีก แต่ทันใดนั้นผนังห้องอีกฝั่งก็พังครืนลงมา
บึ้ม! “เค็นจิ ถอนตัว มันคือกับดัก” เซดะดีดตัวไปอยู่กลางวงของนินจาอีกชุดที่พยายามตีโอบล้อมมาจากด้านหลัง
“อะไรนะ คุณชาย”
“หากไอ้ซาซากุมิ ไม่ตาย เจ้าก็รู้ใช่ไหมเค็นจิ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” อิเงะสึงิ เคนซึ โผวูบเข้ากระซิบ พลางกดดันพวกเขาด้วยสายตาที่เซดะไม่มีทางอ่านมันออก
“เราค่อยคิดหาทางแก้ไขภายหลัง…ข้าว่ามันน่าจะพอมีทาง” โอสุเกะ ฮิเดะ โผเข้ามาแนะ
“นารุคุง…ยูกาว่า กุโบะ พวกเจ้าต้องถอนตัวเดี๋ยวนี้” เค็นจิ ตัดสินใจก่อนความสับสนจะฆ่าพวกเขาเสียเอง
“เค็นจิ…” อิเงะสึงิ เคนซึ ตะคอก
“ข้าอาวุโสพอ…ที่จะตัดสินใจแทนพี่ข้าได้…ถอนตัว!” เค็นจิพูดจบ…คำสั่งสุดท้ายก็ตะเบ็งสุดเสียง นินจากว่า 40 คนโผจากเงาสู่เงาลอยวูบหายออกไปทางช่องหน้าต่าง
“นารุ…กุโบะคุง”
“นี้เป็นการสอบอัครนินจัตสึครั้งสุดท้ายของข้า หากยังฆ่าไอ้ซาซากุมิไม่ได้ ข้าก็เป็นได้แค่ชิโนบิปลายแถว ข้ายอมไม่ได้ คุณชายนั้นแหละไปซะ”กุโบะตอกกลับเสียงแข็ง ดูเหมือนนารุเองก็กำลังบ้าไปกับเขาอีกคน “เป้าหมายเดียวของข้า คือต้องผ่านอัครนินจัตสึในคืนนี้ ข้าตั้งใจจะมาสังหาร ไอ้ซาซากุมิ ไม่ได้ตั้งใจมาถอนเงา”
และเวลานี้นินจาส่วนหนึ่งได้ออกนอกปราสาทไปแล้ว คงเหลือแต่พวกเขาไม่ถึง 10 คน ที่ยังละเลงเลือดซามูไรไปกับพื้นชั้น 4 อย่างเมามัน
และเมื่อกำลังไม่พอ คุณชายอูคาชิ เซดะทั้ง 12 ร่างกระโจนพรวดลงไปยืนล้อมคนทั้ง 2 เอาไว้ ไม่นานซามูไรอีกชุดก็กรูกันเข้ามาอย่างใจนึก ร่างของนินจากับดาบคาตานะทั้ง 12 ร่าง ก็ยังคงบรรเลงเพลงดาบเล่นกับความตาย ทุกกระบวนท่าไม่พลาดไปจากสายตาของซามูไรอายุ 50 ต้นๆ ที่เป็นเจ้าของปราสาทพร้อมๆกับเด็กหนุ่มวันเดียวกับเขาที่ยืนนิ่งเป็นเงาอยู่ด้านหลัง
“คุณชายมินาโมโต โคทาโร่” และเสียงเรียกในชื่อเดิมที่ยาสุบอกว่าเป็นแค่นิทานของคนเผาถ่านก็แววเข้าหู ต้นเสียงมาจากหลังม่านสีขาว ในห้องที่ลึกเข้าไป เซดะในร่างจริงชะงัก แต่สักครู่เขาก็ดีดตัวออกจากวงล้อมเพื่อหวังจะเดินลึกเข้าไปตามเสียงนั้น และชายในชุดกิโมโนสีดำสนิทพร้อมกับเด็กหนุ่มหน้าขาวก็เดินแหวกม่านเข้ามาอย่างใจเย็น
#พาคุณหญิงมินาโมโตเข้าห้องนิรภัย#เสียงคนใช้บนชั้น 5 ดังขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเท่ากับชายคนที่เรียกชื่อเดิมของเขาคนนี้
“คุณชาย มินาโมโต โคทาโร่”เซดะทวนชื่นที่ได้ยินอีกครั้ง และความรู้สึกเย็นวาบก็แผ่กระจายไปทั้ง 12 ร่าง
(ต้องถอนเงาตอนนี้…คุณชาย) เสียงสื่อในสำเนียงอูราคามิแจ้งอีก แต่เซดะก็ยังจ้องอยู่เฉพาะชายที่คาดว่าจะเป็นประมุขอย่างไม่ยอมละสายตา
“ไอ้ซาซากุมิ!…” และอิเงะสึงิ เคนซึ ที่โผพุ่งอาวุธลับเข้าใส่
“เจอกันกี่ครั้งๆ เจ้าก็ยังจะสังหารข้าอยู่ร่ำไปนะเคนซึคุง” ฮันโต ซาซากุมิพูดเย้ยหยันอย่างคนใจเย็น เขาเผยอมุมปากด้วยท่าทีที่ดูแคลนสุดๆ
“ถึงจะสักกี่ครั้ง ข้าก็จะสังหารเจ้าอีกนั้นแหละ” อิเงะสึงิ เคนซึพ่นน้ำเสียงเกลียดชังที่ขุดออกมาจากกระดูกดำ แต่ดูเหมือนทุกขณะจิตของซาซากุมิจับจ้องมาที่เซดะเพียงคนเดียว
(ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้ต่อ…ถอนเงาซะเถอะก่อนที่ซามูไรอีกชุดจะกรูเข้ามา) และเสียงสื่อในสำเนียงอูราคามิก็รบกวนเซดะอีก แต่คราวนี้เขาเองก็เริ่มรำคาญขึ้นมาแล้ว
(เจ้าเป็นใคร…อยู่ที่ไหน)
(ไม่มีประโยชน์ที่จะตอบ…รับรู้แค่ว่าข้าปรารถนาดี) เขาสื่อเสียงอีก…เซดะพยายามมองหา…แต่เจ้าของสำเนียงอูราคามิก็ไม่ยอมเผยตัว มีเพียงรอยยิ้มบางๆ ของเด็กหนุ่มวัยใกล้เคียงกับเขาที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านหลังซาซากุมิเท่านั้นที่เขาสงสัย
“เขาคือคุณชายมินาโมโต จับตัวเอาไว้” ซาซากุมิตะโกน และทันทีผนังทั้ง 4 ด้านก็พังครืนลงมา ซามูไรนับร้อยวิ่งกรูกันเข้ามาเพิ่มและโอบล้อมทั้งหมดไว้อีกชั้น
“งานเลี้ยงเลิกแล้วคุณชาย” อิเงะสึงิ เคนซึ รวบตัวเซดะในร่างจริงลอยขึ้นสู่หลังคาก่อนจะพรางร่างหายไป
“เราต้องลงไปช่วยพวกเขา”เซดะพยายามดิ้นขืน แต่โอสุเกะ ฮิเดะก็ดึงร่างเขาเข้ามกอดไว้อีกคน
“ไม่มีประโยชน์อะไรคุณชาย เราทำดีที่สุดแล้ว…พวกเขาต้องสังหารตัวเองตามวิถีของชิโนบิ” เสียงของโอสุเกะ ฮิเดะสั่นเครือ หลังจากที่ทั้งหมดโผออกมาอยู่นอกปราสาทได้สำเร็จ แต่ช่องโหว่ของแผ่นกระเบื้องหลังคาที่แตกหักก็ทำให้ยังพอมองเห็นเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่อย่างชัดเจน และร่างพรางของเซดะที่ยังสู้อยู่กับซามูไรก็ค่อยหายทีละร่าง ทีละร่าง
“คุณชาย!”
“คุณชาย…”
“พวกเขาทั้งคู่สอบอัครนินจัตสึไม่ผ่าน” เค็นจิเสริมอีกคน
#อย่าฆ่าพวกมัน…สองคนคือกุญแจตัวสำคัญ#เสียงของฮันโต ซาซากุมิดังขึ้นลอยๆ ซามูไรหลายคนเข้ามาช่วยล็อคแขนและขาของยูกาว่า โกบุและโอสุเกะ นารุ เอาไว้แน่น พวกมันกระชากผ้าคลุมหน้าของนินจาทั้งคู่ออก
“นารุคุง…เจ้าต้องทำ…เจ้าต้องทำ” โอสุเกะ ฮิเดะพึมพำ แต่วงแขนก็ยังกอดเซดะเอาไว้แน่น เขาจ้องผ่านช่องโหว่ไปยังเห็นใบหน้าที่ขลาดกลัวของบุตรชายอย่างเกรงๆ และดูเหมือนนารุจะไม่สารถรถควบคุมตัวเองไว้ได้อีกแล้ว แต่ยูกาว่า กุโบะกลับนิ่งเฉย สักครู่ลิ้นก็ดุลอะไรบ้างอย่างขึ้นมา เขาพยักหน้าให้เหมือนจะรู้ว่ามีสายตาของพี่น้องชิโนบิคอยจ้องเขาอยู่ ฟันกรามขบบางอย่างในปาก ยาพิษกับฟองสีม่วงได้ส่งวิญญาณของเขาให้หลุดลอยออกจากร่างที่ถูกพันธนาการนั้นแล้ว
“กุโบะ…ไม่นะ กุโบะ” เซดะพยายามดิ้นขืน แต่ก็ไม่เป็นผล
“เขาได้ทำหน้าที่ของชิโนบิโนะโมโนะอย่างสมบูรณ์แล้วละคุณชาย” เค็นจิปลอบ ยูกาว่า กุโบะ เลือกจะปลิดชีพตัวเองหลังสอบอัครนินจัตสึไม่ผ่าน แต่สำหรับโอสุเกะ นารุกลับตะโกนขอความช่วยเหลือดังลั่น
“เราต้องช่วยนารุ…เขายังมีโอกาสแก้ตัวอีก 1 ครั้ง เราต้องช่วยเขา” เซดะเกรี้ยวกราดพยายามดิ้นจนสุดกำลัง
“มันสายเกินไปแล้วคุณชาย” เสียงโอสุเกะ ฮิเดะ สั่นเครือจนไม่อาจเก็บอารมณ์ที่กำลังจะร้องไห้เอาไว้ได้
#ช่วยข้าด้วย…ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย#
“โอสุเกะ ฮิเดะ ข้าให้ท่านตัดสินใจ” เสียงอิเงะสึงิ เคนซึดังขึ้นจากทางด้านหลัง เขาคลายแขนออกจากร่างเซดะและทันใดนั้นดาวกระจายอาบยาพิษก็ลอยออกจากมือของฮิเดะพุ่งฝ่าความมืดตรงไปยังร่างของบุตรชายที่กำลังถูกซามูไรลากไปตามทางเดินและมันไม่เคยพลาดเป้า
“นารุ…ไม่ นารุคุง”
“ไม่…ๆ” เสียงร้องของเซดะดังขึ้นบนหลังคา โอสุเกะ ฮิเดะโอบรัดตัวเขา มันสั่นเกร็งพอๆกับน้ำตาที่ไหลทะลักไม่หยุด
“พ่อทำดีที่สุดแล้ว นารุ”
“เราไปกันเถอะ…เขาทั้ง 2 จบชีวิตชิโนบิได้อย่างงดงามแล้วละ” เค็นจิปลอบพลางตบไหล่ฮิเดะเบาๆ เซดะมองผ่านช่องโหว่ของแผ่นกระเบื้องไปยังร่างที่สงบนิ่งของนารุเป็นครั้งสุดท้าย รอยยิ้มที่มุมปากของเขาเหมือนจะบอกขอบคุณเจ้าของดาวกระจายอย่างใดอย่างนั้น
“ข้าไม่ปรารถนาจะเห็นความตายเยี่ยงนี้เกิดขึ้นกับใครอีก” เซดะพูดลอยๆ แล้วโอสุเกะ ฮิเดะก็ลากตัวเขากระโจนไปพร้อมกับสายลม พวกเขาลอยข้ามกำแพงออกจากที่นั้นไปได้ก่อนลูกธนูนับร้อยจะพุ่งตามหลังมาทัน…
……….
ในเงาของราตรีทางทิศใต้ของปราสาท
“ฆ่าเขาทำไม…ฆ่านารุทำไม” เซดะตะคอกเสียงสะอื้นเบาๆ… “นารุเหมือนกับน้องชายข้า…”
“นี้คืออีกบทเรียนหนึ่งที่คุณชายต้องผ่าน…เราต้องสังหารผู้ที่ไม่สมควรเป็นนักฆ่าในโลกมืดก่อนความอ่อนแอจะนำภัยมาสู่พี่น้องชิโนบิทั้งหุบเขา รอยยิ้มสุดท้ายของนารุบอกว่าเขาขอบคุณข้า” โอสุเกะ ฮิเดะพยายามพูด
“เจ้าทำดีที่สุดแล้วละ โอสุเกะชัง” อิเงะสึงิ เคนซึ ปลอบ
“อุดมการณ์ข้อที่ 3 หากเขาไม่อาจสังหารตัวเองเพื่อปกปิดความลับได้ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพี่น้องชิโนบิ…ที่จะต้องช่วย” เค็นจิเสริม…แต่ก็เงียบเพื่อปกปิดเสียงสะอื้นของตัวเองไม่ให้เล็ดลอดออกมา “แม้แต่ตัวข้าเอง” เขาพูดต่อ
“แต่เขาเป็นบุตรของท่านนะ”
“ใช่…แม้แต่บุตร…ชาย….หรือตัวข้า…” โอสุเกะ ฮิเดะ ไล่เรียงคำพูดพร้อมกับหันไปพยักหน้าให้เค็นจิ
“อาจารย์โอสุเกะ…ข้ารู้ว่าท่านคอยปกป้องข้า ตามคำสั่งของท่านพ่อ หากว่าข้าสามารถแทนที่นารุได้ข้าก็ยินดี…” เซดะพยักหน้าถอยห่างออกมาก้มศีรษะให้เขา “ข้ายินดีจะทำหน้าที่เป็นบุตรของท่านแทนเขา”
“คุณชาย…ข้า…ข้า…”
……….
“ก่อนหลับตา ให้นึกถึงเกียรติ…………………..ที่จะคงอยู่
ดั่งภูผาคุโระอิสีนิล………………แห่งหุบเขาอิงะร้อย ร้อย ปี”
โอสุเกะ ฮิเดะ
……….
(นี้คือผลของการสอบอัครนินจัตสึไม่ผ่านอย่างนั้นหรือ) เซดะคิดในใจ เค็นจิและอิเงะสึงิ เคนซึต่างพร้อมใจกันหันขวับจ้องหน้าเขา เหมือนทั้งคู่จะสัมผัสสิ่งที่เขากำลังคิดได้ ท้องฟ้าทางทิศตะวันออกกำลังจะเบิกแสงแรก ฝูงม้าสีนิลมากกว่า 150 ตัวก็โผทะยานตามกันไปตามทางแคบๆเลียบไหล่เขา พวกมันกระโจนข้ามลำธารที่เป็นเหวลึก เพื่อมุ่งตรงไปยังภูเขาอีกลูกที่อยู่ห่างออกไป ไม่นานแสงสีอำพันก็สัมผัสขอบเมฆ มันคือสัญญาณบอกให้ทั้งหมดต้องเข้าเขตุหมู่บ้าน ก่อนเงาของต้นไม้จะปรากฏต่อหน้า
……….
เมฆสีนิล ติดแต้มแต่ง แสงอำพัน
แจงคืนวัน เวลารุ่ง พุ่งมาหา
แสงเรืองรอง สะท้อนภู บูรพา
กาลเวลา ฟ้าวันใหม่ ได้มาเยือน
แดดปลายฟ้า ลามเงามืด คืนลับหาย
รัตติกาล มลายดับ ลับเปลวแสง
เรืองสะท้อน เงาสะท้าน กลางฟ้าแดง
ข้าสิ้นแรง เมื่อแสงสาด พรากเจ้าไป
“หลับให้สบายเถอะ โอสุเกะนารุ-ยูกาว่า กุโบะน้องชายข้า”
……….