ท่านประธาน คิดบวกความสุขในมุมเล็กๆ
ท่านประธาน
:ถามจริงๆ คุณเคยคิด – เคยฝันจะได้ Promote เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไหม?
:ไอ้เชี้ย! Timmy….มึงถามอะไรแปลกๆ วะ ทุกคนที่ทำงานก็ล้วนต้องการตำแหน่งที่สูงขึ้นทั้งนั้นแหละ…ถามอะไรบ้าๆ….ไปๆ จะไปไหนก็ไป กูรำคาญ
: เดี๋ยวครับเดี๋ยวใจเย็นๆ….ผมเชื่อเหลือเกินว่าคนอย่างเราๆ ท่านๆ หากได้รับการ Promote ให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น เงินเดือนสูงขึ้น ย่อมดีอกดีใจเป็นเรื่องปกติ เผลอๆ อาจจะมีเฉลิมฉลอง 7 วัน 7 คืนด้วยซ้ำ….แต่บทความ คิดบวก ความสุขในมุมเล็กๆ ตอน “ท่านประธาน” ผมมี Case หนึ่งที่ประสบมาด้วยตัวเองจะเล่าให้ฟัง ถ้าคุณพร้อมแล้ว
มา! ตาม Timmy มา….เรื่องราวสั้นๆ ของท่านประธานวัยโจ๋กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ช่วงการทำงานปีสุดท้ายกับบริษัทรับสร้างบ้านขนาด 6 สาขา…มันเป็นช่วงที่ผมรู้สึกว่า เงินเดือนที่ได้รับกำลังจะชนหรือพุ่งทะลุเพดานบริษัท…การที่บริษัทจะ Promote ให้เลื่อนตำแหน่งสูงกว่านี้เห็นจะยาก ใช่!เป็นเวลาที่ลำบากใจกับหลายๆ ฝ่าย-หลายคน จนบางวันกรรมการผู้จัดการที่ไม่ชอบขี้หน้าอยู่แต่เดิมถึงกับเผลอชี้หน้าท้าทาย….
“ผมจะบอกให้….ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นมังกร…มังกรไม่มาเล่นน้ำในบ่อเล็กๆ หรอก แน่จริง โน้น!…ออกไปฟาดหัวฟาดหางกลางมหาสมุทรโน้น” ครับคำนี้ ประโยคนี้ยังก้องอยู่ในหัวกระทั้งวันนี้…(ผมไม่ใช่คนเก่ง-คนดัง ไม่ได้เป็นมังกร… แล้วจะให้ออกไปฟาดหัวฟาดหางกลางมหาสมุทรได้อย่างไร) ผมคิดและคิดไม่ออกถึงอนาคตของตัวเองในวันพรุ่งนี้ เกมการเมืองในบริษัทเล่นกันแรงขึ้นทุกวัน กระทั้งวันหนึ่งลูกค้าเก่ารายใหญ่และร่ำรวยอันดับต้นๆ มีกิจการ มีธุรกิจมากมาย-นั่งเป็นที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรีมาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเสื้อเหลืองหรือรัฐบาลเสื้อแดงท่านก็สามารถเข้าไปร่วมแจมได้ทั้งหมด… ท่านมีแพลนจะซื้อหมู่บ้านจัดสรรโครงการหนึ่งที่สร้างไม่เสร็จเลยเรียกทีมงานบริษัทเข้าประชุม เมื่อได้ข้อสรุปก็เป็นหน้าที่ผมกับทีมงานสำรวจต้องลงพื้นที่ โดยเฉพาะผมต้องวิ่งเข้า-วิ่งออกบริษัทนั้นแทบทุกวัน…ซึ่งปกติก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว เพราะได้ออกแบบอาคารหลายอย่าง หลายประเภทให้กับลูกค้ารายนี้ ตั้งแต่โรงงาน-ออฟฟิต-บ้าน-สระว่ายน้ำสำหรับลูกชายคนเล็กที่ใครเรียกว่า คุณเกริกที่กำลังจะเรียนจบจากอังกฤษ และกำลังจะได้รับ Promote ให้เป็นประธานบริษัทแทนผู้เป็นพ่อที่ไม่ค่อยมีเวลา
คุณเกริกหรือไอ้คุณเกริก….อันที่จริงผมกับเขาก็ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันสักเท่าไรหรอก…แต่ก็พอรู้เรื่องของเด็กหนุ่มคนนี้อยู่บ้าง เนื่องจากทำงานให้ครอบครัวเขามาหลายปี ไอ้คุณเกริกหรือท่านประธานวัยโจ๋ดูภายนอกเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ แววตาคล้ายจะไม่เคยสัมผัสความรื่นเริงมาทั้งชีวิต….เรื่องฤทธิ์เดชท่านประธานวัยโจ๋คนนี้ก็เคยเจอมากับตัวจะๆ ครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นคุณพ่อของเขา…นั้นก็คือลูกค้าของบริษัท ท่านได้ย้ายออฟฟิต (สำนักงานใหญ่) จากถนนศรีนครินทร์ไปอยู่ถนนพหลโยธิน จ.ปทุมธานี จนเป็นเหตุให้การเดินทางจากบ้านพักอาศัยมาทำงานต้องข้ามกรุงเทพฯ เลยทีเดียว ท่านเลยตัดสินใจซื้อที่ดินในโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อจะสร้างเป็นบ้านพักอาศัยอีกหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้มูลค่าเกือบๆ 50 ล้านโดยผมเป็นสถาปนิก มีสระว่ายน้ำ-ห้องออกกำลังกาย ห้องประชุมขนาด 50 ที่นั่งสำหรับรัฐมนตรีพร้อมงานระบบเสร็จสรรพ หนึ่งในนั้นที่ขาดไม่ได้ก็คือห้องนอนของไอ้คุณเกริก ปกตินิสัยส่วนตัวลูกค้ารายนี้ (ผู้เป็นพ่อ) ค่อนไปทางเผด็จการนิดๆ ระหว่างงานก่อสร้างและตกแต่งไอ้คุณเกริก (ลูกชาย) ก็จะตามพ่อเข้าไปดูงานพร้อมกันทุกครั้ง… เรามีโอกาสได้คุยกันสนทนาปราศรัยกันจนไอ้คุณเกริกเรียกผมว่า “เฮีย” เต็มปากนั้นแหละครับ
ไอ้คุณเกริกเดินตามหลังพ่อต้อยๆ…ขณะที่แววตาของเขายังขาดความรื่นเริง-บุคลิกนิ่งเงียบก็ยังนิ่งเงียบเป็นปกติ….กระทั้งงานตกแต่งภายในใกล้จะสมบูรณ์ ประมาณเฟอร์นิเจอร์เริ่มย้ายเข้าประจำที่-งานบิ้วอิน-จบไปแล้ว 90% อยู่ๆ มันก็ถามพ่อว่า
“เสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหมป๊ะ!”
“ใช่! พรุ่งนี้ม่านจะเข้ามาติดตั้ง รึ!ก็ย้ายกระเป๋าเข้ามาอยู่ก่อนได้เลย”
“OK…พรุ่งนี้หนูจะได้สั่งคนเข้ามาทุบ!….”
ไอ้คุณเกริกมันพูดหน้าตาย พูดจบมันก็ยังคงบุคลิกแบบของมันจ้องผู้เป็นพ่อราวกับไม่มีอะไร….ลูกค้าผมถึงกับหน้าเสียพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกดังๆ
“ตามใจ” แล้วก็หันหลังเดินออกจากห้อง…แล้วผมละจะไปต่ออย่างไรดี…เออ…ไอ้คุณเกริกมันหันมาคุยกับผมด้วยท่าทีปกติมากๆ ว่า
“เฮีย เกริกให้เพื่อนที่เป็นอินทีเรียออกแบบห้องให้…” มันควักแบบที่เป็นกระดาษ A4 พับ 4 ส่วนยัดในกระเป๋ากางเกงมากางแล้วคลีให้เห็น ผมอ่านเกม 2 พ่อลูกเงียบๆ…ถ้าให้คำปรึกษาไม่ดีผมมีเละแน่ๆ…แต่ชั่งเถอะไหนๆ กำลังโดนเทจากบริษัทอยู่แล้ว เอาหัวใจพูดตามที่เห็นว่าเหมาะสมที่สุดไปเลยดีกว่า
“โอ้!….คุณเกริกครับนี้มันห้องนอนของแฮรี่พอร์ตเตอร์ชัดๆ”
“ใช่…จะเข้าห้องนอนต้องดึงหนังสือเล่มนี้…แล้วผนังกับชั้นวาง TV จะหมุ่น 360 องศาเพื่อเปิดทาง เฮียว่าไง เจ๋งไหม” ไอ้คุณเกริกอธิบายเป็นฉากๆ ขณะที่ผมสังเกตเห็นแววตาของมันส่องประกายวิบวับมากกว่าที่เคยเห็นมาก่อน….(เด็กหนุ่มคนนี้กำลังขอความมั่นใจ) ผมคิด คิด คิด… (ถ้าคัดค้านความมั่นใจที่ผมพึ่งเห็นจะต้องมอดไหม้เป็นผุยผงอย่างแน่นอน…บริษัทเก็บเงินงวดได้เร็วขึ้น แต่คนที่เสียคือเขา…ทั้งเสีย ทั้งขาดความมั่นใจอาจจะทั้งชีวิต)…. ผมเลยดึงแบบจากมือไอ้คุณเกริกหรือท่านประธานวัยโจ๋เดินไปนั่งคุยกันต่อในห้องอาหาร ไอ้คุณเกริกฉายแววความมั่นใจ หลุดยิ้มบางๆ ให้เห็น เขาเดินตามหลังมานั่งลงฝั่งตรงข้ามพร้อมกับถามผมว่า
“เฮียว่ามันจะสักกี่ตัง”
“มีผู้รับเหมาหรือยังครับ” ผมถามกลับทันที
“บริษัทของเพื่อนจะทำให้…แต่เกริกอยากรู้งบประมาณคร่าวๆ ก่อนรอเปรียบเทียบเฉยๆ”
“กลไก-งานระบบค่อนข้างเยอะนะ….แบบนี้เฮียขอได้ไหมจะลองเอาไปให้ฝ่ายประมาณราคาเขาเช็คให้” พูดจบ ไอ้คุณเกริกหรือท่านประธานวัยโจ๋ถึงกับยิ้มออกมาอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน… มันเป็นรอยยิ้มของผู้สมหวัง สมปรารถนาชัดๆ (โอ้!พระเจ้า….ท่านประธานดูดีเหลือเกิน)
ครับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นก็จบด้วยการทุบรื้องานเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนอนที่ยังไม่ได้ใช้ทิ้ง…คุณเกริกขนทีมงานเข้ามาทำการตกแต่งใหม่…และไม่ถึง 2 เดือนทุกสิ่งอย่างก็จบ ผมคิดว่ามันจบพร้อมกับความมั่นใจในตัวเขาเอง และเหตุการณ์ที่ทำให้ผมลืมไม่ลงอีกเหตุการณ์หนึ่งนั้นก็คือ….
หลังจากที่ผมออกจากบริษัทรับสร้างบ้านแล้วเกือบปี ลูกค้ารายเดิมก็ยังเรียกผมเข้าไปใช้งานตามปกติ…แต่ เวลานี้ผมฟรีแล้นซ์เต็มตัว งานต่อเติม-ปรับปรุง-แก้ไข-เล็ก-ใหญ่-ไอ้ Timmy รับหมด เขาให้ผมเข้าไปออกแบบโรงงานให้แถว อ.วังน้อย จ.อยุธยา…กว่าแบบจะลงตัว-กว่าแบบจะจบผมก็ต้องวิ่งเข้าวิ่งออกออฟฟิตที่พหลโยธินเป็นว่าเล่น และผมกับท่านประธานวัยโจ๋ก็มีโอกาสคุยกันมากขึ้น…แต่จนแล้วจนรอด บุคลิกนิ่งๆ เงียบๆ และแววตาของเขาก็ยังไม่เห็นความรื่นเริงสาดฉายออกมาสักที…มันไม่เปลี่ยนแปลง และไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอดเกือบๆ ปีที่ไม่ได้เจอกัน….กระทั้งบ่ายวันหนึ่งผมนัดเจ้าหน้าที่รางวัดมาวัดที่ดินที่โรงงาน แต่ผมต้องแวะเข้าไปเอาโฉนดที่ออฟฟิตสำนักงานใหญ่ซะก่อน เมื่อไอ้คุณเกริกหรือท่านประธานวัยโจ๋เจอหน้าผม เขาก็รีบเสนอตัวทันที
“บ่ายวันนี้เกริกว่าง…ขอติดรถไปด้วยนะเฮีย”
“รถผมแค่ อัลติสนะ…เล็กมากๆ คุณเกริกจะนั่งสบายเหรอครับ”
“งั้นพวกรึ!….ก็เอารถตู้ไปซิ!….ให้สมานมันขับไปส่ง”
“อ้าวแล้วป๊ะ ไม่ได้ใช้เหรอ”ท่านประธานวัยโจ๋ถามกลับผู้เป็นพ่อที่ยืนค้ำหัวอยู่ด้านหลัง
“ป๊ะ! จะเอาเบนซ์ไป มีชาตรีใช้งานละ…พวกรึ!ตามสบาย”
สรุปผมก็ต้องจอดรถทิ้งไว้ที่ออฟฟิต สมานคนขับรถก็พาเราไป อ.วังน้อย…ทำให้ผมมีเวลาคุยกับไอ้คุณเกริกหรือท่านประธานวัยโจ๋มากขึ้น…ด้วยความที่ผมสงสัยแววตาที่ไม่เคยรื่นเริง… ผมจึงหลุดถามแบบตรงไปตรงมา….ไอ้คุณเกริกมันเลยเล่าให้ฟัง….
“เกริกถูกส่งไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่เด็ก…ที่อังกฤษก็มีบ้าน มีรถ มีคนใช้ คนขับรถ เช้าไปส่ง-เย็นก็ไปรับ ไม่ต่างจากเมืองไทย เพื่อนที่คบๆ กันจริงๆ จังๆ ก็มีไม่กี่คน พอย้ายกลับเมืองไทยเพื่อนเกริกที่นี้แทบจะไม่มีเลย…เวลาออกงานก็เจอแต่เพื่อนป๊ะ รุ่นพ่อ รุ่นลุงทั้งนั้น”
“กลับจากอังกฤษก็ได้รับตำแหน่งประธานบริษัททันที น่าจะดีใจไม่ใช่รึครับ”
“เกริกเฉยๆ นะเฮีย…บางครั้งเกริกแอบอิจฉาเฮียด้วยซ้ำที่ได้ทำงานอิสระ….ไม่ต้องมีใครมาสั่งซ้ายหันขวาหัน”
“เป็นถึงประธานบริษัท….”
เกริกแทรกขึ้นก่อนที่ผมจะพูดจบประโยค “ทุกวันนี้เกริกคิดว่าตัวเองเป็นแค่ตุ๊กตา งานหลักก็แค่นั่งเซ็นชื่ออนุมัติ…กว่าแต่ละอย่าง-งานแต่ละชิ้นจะมาถึง เขาก็ได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว เฮียว่าเกริกเหมือนตุ๊กตาไหมละ”
“แต่จุดที่คุณเกริกนั่ง จุดที่คุณเกริกเป็น คือเป้าหมาย คือความฝันของทุกคน แม้กระทั้งผม…คุณเกริกเข้าใจหรือเปล่าครับ”
เกริกมองหน้าผมนิ่งๆ… “แต่เกริกอยากจะเป็นเฮียมากกว่า…ไม่รู้สิความรู้สึกภาคภูมิใจไม่มี-เฉยๆ -ชินๆ -ชาๆไปซะทุกเรื่อง…ทุกวันที่ตื่นนอนตอนเช้ายังคิดนะว่าเกริกมีชีวิตอยู่หรือเปล่า… เกริกเป็นมนุษย์หรือตุ๊กตากันแน่”
“คุณเกริกครับ….ทุกคนต่างมองคุณเกริกด้วยความอิจฉา….เห็นและอยากจะเป็น….อยากจะได้เหมือนกับคุณทั้งนั้น…ไม่เป็นการดูถูกตัวเองเกินไปหน่อยหรือครับที่มองตัวเองเป็นแค่ตุ๊กตานะ….ผมเชื่อว่าคุณเกริกมีความสามารถมากมาย….อย่างวันที่เราเข้าไปตรวจส่งมอบงานงวดสุดท้ายของบ้านคุณเกริกที่จังหวัดปทุมธานี จำได้ไหมครับ…วันนั้นคุณเกริกสั่งทุบงานเฟอร์นิเจอร์ที่เพิ่งทำเสร็จ แล้วนำไอเดียร์ของตัวเองมาเสนอ…วันนั้นคุณเกริกกล้ามากๆ ผมเห็นแววตาที่รื่นเริงสดใส เป็นประกายอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน…คุณเกริกครับเพียงแค่คุณเกริกกล้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณพ่อสร้างไว้ให้จะเป็นแรงหนุนส่งอย่างแน่นอน….แต่ผมแอบสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง งานเฟอร์นิเจอร์ที่คุณพ่อตกแต่งให้ ถ้าไม่ชอบทำไมไม่บอก-ไม่ปรึกษาท่านตั้งแต่แรกละครับ”
“โอ้! เฮีย ป๊ะนะมีเวลาซะที่ไหน….จะพูดก็บอกเอาไว้ก่อนๆ ป๊ะรีบ”
“เมื่อตกแต่งห้องใหม่เสร็จ คุณพ่อว่าอย่างไรมั่งครับ”
“ป๊ะ! เขาก็ชอบนะ…ทุบทำใหม่อีกหลายห้อง โดยเฉพาะห้องประชุม ฮา ฮ่า ฮ้า”
“นั้นแหละคุณเกริกเห็นหรือยังครับ ขนาดนักธุรกิจ-ที่ปรึกษารัฐมนตรียังยอมรับไอเดียร์ของคุณเลย…คุณเกริกมีความสามารถอย่างอื่นอีกเยอะ แสดงให้คุณพ่อเห็นมากกว่าเป็นได้แค่ตุ๊กตาซิครับ…ผมมั่นใจเหลือเกินว่า วันหนึ่งข้างหน้า คุณเกริกต้องภาคภูมิใจในตำแหน่งประธานบริษัท ที่คุณเกริกเป็นอยู่ทุกวันนี้อย่างแน่นอน” เกริกมันยิ้มให้ผมด้วยแววตาที่เป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแต่วันนี้ประกายจากดวงตาคู่เดิม…ชั่งน่าตลึงพรึงเพริดมากกว่าวันไหนๆ
และหลังจากเสร็จงานรางวัดที่ดินก็เป็นเวลาเลิกงานของคนงานในโรงงานพอดี ผมกับคุณเกริกยังไม่อยากกลับเราปล่อยชายเสื้อเชิ้ตให้เป็นอิสระก่อนจะเข้าไปขอร่วมเตะตะกร้อกับคนงาน….และเย็นวันนั้นเอง ภาพเด็กหนุ่มวัย 24 ย่าง 25 ก็ฉายแววสดใส – อิสระ – เสรี ส่งเสียงหัวเราะแบบวัยโจ๋ …เป็นชีวิตที่เป็นเด็กหนุ่มปกติมากกว่าตุ๊กตาหรือท่านประธานที่เป็นอยู่ จนผมอยากจะบอกกับไอ้คุณเกริกดังๆ ว่า
“ท่านประธานครับ เตะตะกร้อแบบไหนกัน มือนี้แดงเชียว”
คิดบวก ความสุขในมุมเล็กๆ ตอนท่านประธาน…อาจจะเป็นเพียงมุมเล็กๆ แต่มุมเล็กๆ ที่ว่านี้แหละ…ที่ผมอยากเสนอให้คุณ คุณ และคุณ หันกลับมามองจุดที่คุณกำลังเป็นอยู่-ถึงจะเป็นจุดเล็กๆ ก็จงยิ้มให้มัน-ภาคภูมิใจในตัวเองที่สามารถเป็นมันได้…จะตำแหน่งท่านประธาน-แม่บ้าน -รปภ.-พนักงานฝ่าย -เลขา –ผู้จัดการ-ความภาคภูมิใจก็เสมอและเท่าเทียม…ยิ้มสวยๆ แล้วเดินหน้าสู้ต่อไปนะครับ…โชคดีทุกคน