งานฟรีแลนซ์ คิดบวกความสุขในมุมเล็กๆ
“มังกรไม่เล่นน้ำในบ่อหรอก…แน่จริงออกไปฟาดหัวฟาดหางกลางมหาสมุทรโน้น!”
ภาษาที่กรรมการผู้จัดการหนึ่งใน 10 ใช้กับผมในห้องประชุมมักจะเป็นภาษาที่ลุ่มลึกเสมอ แต่น้ำเสียงห้วนๆ ขยับสู่เพดานกระด้างหยาบคายทำให้ผมใจสั่น ใช่! ผมทำงานบริษัทรับสร้างบ้านขนาด 6 สาขาที่กระจายทั่วกรุงเทพและปริมณฑลมาเกือบ 10 ปี เป็นเพราะอะไรเขาถึงได้ตวาดผมเช่นนี้
- เงินเดือนผมชนเพดานงั้นรึ
- หรือเพราะผมเป็นคนไม่ยอมใคร จึงมักจะเกิดปากเสียงเรื่องงานออกแบบที่กรรมการผู้จัดการจบสายบัญชีชอบเข้ามายุ่งบ่อยๆ เออน่าจะมีเชื้อ
- หรือว่าเป็นเพราะเรื่องส่วนตัวที่เขากับผมไม่กินเส้นกันมาตั้งแต่เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ
คิดไปก็ปวดสมอง “ในเมื่อมีฐานลูกค้าอยู่ในมือ ลาออกแล้วไปทำฟรีแลนซ์ให้รู้แล้วรู้รอดน่าจะดีกว่า”
ครับ….คำว่า Freelance หรือ Freelancer หมายถึงอะไร มีที่มาจากไหน และจะเป็นชีวิตที่หนักหนาสาหัสอย่างที่มีคนเขียนบทความเตือนใจไว้ในเว็บไซต์หรือเปล่า ท่านใดที่กำลังคิดจะออกจากงานประจำต้องอ่าน
มา! Timmy จะขยายความ-เรียบเรียงด้วยภาษาบ้านๆ เข้าใจง่ายๆ รับรองว่าต้องได้ข้อคิดดีๆ อย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน
งานฟรีแลนซ์
ฟรีแลนซ์ (Freelance) หรือฟรีแลนเซอร์ (Freelancer) คืออะไรถ้าแปลตามความเข้าใจส่วนตัวก็จะหมายถึงคนหรือกลุ่มคนที่ทำงานอิสระไม่ขึ้นตรงกับบริษัท ทำงานคล้ายพนักงานประจำ แต่เวลาถูกกำหนดขึ้นโดยผู้ทำงาน ตัวเองเป็นศูนย์กลางไม่ใช่บอสหรือผู้จัดการเป็นคนควบคุม รายได้ขึ้นอยู่กับงานที่ทำในแต่ละครั้งของแต่ละโครงการ แล้วแต่จะตกลงกัน ไม่มีเงินเดือนเหมือนพนักงานประจำ เพราะฉะนั้น งานฟรีแลนซ์ ต้องทำงานอย่างมืออาชีพ คิด-วิเคราะห์-พูดคุย-สรุป-ตัดสินใจ อยู่ที่ตัวเองเป็นหลัก จะตื่นกี่โมง ทำงานด้วยชุดนอนก็ไม่มีใครว่า พนักงานประจำทำงานวันละ 8-10 ชั่วโมง มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แต่ฟรีแลนซ์ต้องทำงาน 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ยกเว้นแต่ช่วงไม่มีงานเท่านั้น….ใครกำลังจะออกจากงานประจำต้องคิดเรื่องนี้ให้หนัก และถามตัวเองดังๆ ว่า
- รับผิดชอบตัวเองได้แค่ไหน
- วินัยการเงินดีหรือไม่
- ตัดสินใจด้วยตัวเองได้ไหม
- การพูดคุยเจรจาต่อรอง…ต้องทันเกม
- ทำงานอย่างมืออาชีพ
- สวัสดิการ – ค่าดูแล – รักษาพยาบาล – บำเหน็จ – บำนาญไม่มีนะครับ
ส่วนคำว่าฟรีแลนซ์ “Freelance” ถูกใช้ครั้งแรก ในนิยายอิงประวัติศาสตร์ชื่อดังเรื่อง Ivanhoe แต่งโดย Sir Walter Scott ในปี 1820 เป็นเรื่องราวในยุคกลางของอังกฤษ ซึ่งนิยายเรื่องนี้ได้กล่าวถึงฟรีแลนซ์เอาไว้ คือ อัศวินที่ถือหอกต่อสู้บนหลังม้าโดยไม่ได้สังกัดกับขุนนางคนใดคนหนึ่ง หรือเมืองใดเมืองหนึ่ง คล้ายกับนักรบ “โรนิน” ของญี่ปุ่นนั้นแหละครับ เลือกรับจ้างต่อสู้ตามความต้องการของตนเป็นหลัก โดย Lance ในภาษาอังกฤษ นั้นแปลว่า ทวนหรือหอก เมื่อนำ 2 คำมารวมกันจึงได้คำว่า Freelance ฟรีแลนซ์ จนเกิดความหมายเฉพาะอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นเอง
งานหรือสายอาชีพอะไรบ้างที่มีคนทำฟรีแลนซ์มากที่สุด
ขอยกข้ออ้างอิงจากข้อมูลปี 2015 ของประเทศสหรัฐอเมริกาก็แล้วกันนะครับ ชาวอเมริกามีคนทำงานฟรีแลนซ์สูงถึง 54 ล้านคนหรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 34% ของคนในวัยทำงาน โดยอ้างอิงจากผลสำรวจที่มีชื่อว่า Freelancing in America 2015 ที่จัดสำรวจโดย Edelman Berland ซึ่งมีการแบ่งประเภทฟรีแลนซ์ออกเป็น 5 ประเภทดังนี้
- Independent Contractors คนหรือกลุ่มคนที่รับจ้างงานเป็น Project ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่สุด คิดเป็น 36% ผมก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มนี้นะครับ
- Moonlighters หรือพวกที่เวลากลางวันทำงานประจำ กลางคืนมารับงานฟรีแลนซ์เป็นอาชีพเสริม คิดเป็นสัดส่วน 25%
- Diversified Workers คือคนที่หารายได้หลายทาง เช่น ตอนเช้าขายโจ๊ก+ปลาท่องโก๋ บ่ายรับงานสอนพิเศษ กลางคืนรับจ้างขับรถสำหรับคนเมา เป็นต้น นะครับ กลุ่มนี้จะมีอยู่ราวๆ 26%
- Temporary Workers หรือกลุ่มคนที่รับทำงานประจำแต่ชั่วคราว คล้ายๆ กับพนักงานของบริษัทใหญ่ทั่วๆไปคือมีสัญญาทำงานสั้นๆ 5 เดือน 6 เดือนเป็นต้น กลุ่มนี้มีอยู่ 9%
- Freelance Business Owner คือกลุ่มคนที่ทำงานฟรีแลนซ์ แต่ก็ว่าจ้างฟรีแลนซ์ทีมอื่นเข้ามาช่วยงาน ฟรีแลนซ์กลุ่มแรกเรามักจะเรียกเขาว่า Agency หรือผู้รับเหมาฟรีแลนซ์ มีอยู่เป็นสัดส่วน 5%
“ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นมังกร ก็ออกไปฟาดหัวฟาดหางที่มหาสมุทรโน้น” คำๆ นี้ติดในหัวผมจนยากจะลบลืม…จะเดินออกจากบริษัทเฉยๆ ค่าใช้จ่ายรายเดือนก็ผุดขึ้นมาในหัว
- ผ่อนรถ 7,540 บาท
- ผ่อนบ้าน 15,000 บาท
- ผ่อนคอนโด 4,500 บาท
- บัตรเครดิตทุกยี่ห้อรวมๆ กันจ่ายขั้นต่ำอยู่ที่ 12,500 บาท
- เฉพาะเดือนธันวาคม มีจ่ายเบี้ยประกันชีวิตอีก 18,000 บาท
- เดือนกุมภาพันธ์ต่อเดือนมีนาคมมีประกันชั้น 1 รถยนต์เข้ามาอีก 14,200 บาท
เดือนปกติ 10 เดือนต้องจ่ายเดือนละ 39,540 บาท
เฉพาะเดือนธันวาคม 57,540 บาท
เฉพาะเดือนกุมภาพันธุ์ 53,740 บาท
รายจ่ายต่อเดือนทำไมมันเยอะจังเลยน้อ!….จะอยู่ต่อเงินเดือนก็คล้ายๆ จะชนเพดานเข้าไปแล้ว ซ้ำร้ายยังถูกกรรมการผู้จัดการที่ประจำอยู่สำนักงานใหญ่ถนนรัชดาภิเษกพูดกระแนะกระแหนไม่เว้นแต่ละวัน…คิดบวกแทนใบเบิกทางเป็นอันดับแรก ก่อนจะเข้าไปยื่นหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการในห้องประธานบริษัท แต่ก็โดนดึงเอาไว้ซะหลายชั่วโมง ก่อนผมจะยื่นข้อเสนอให้บริษัทเลือก
“ถ้าจะให้ผมทำต่อผมคงต้องขอเป็นฟรีแลนซ์ โครงการต่อโครงการแล้วละครับ”
“ไหวเหรอ…ชีวิตฟรีแลนซ์ไม่ใช่ง่ายนะ”
“ผมทราบครับชีวิตฟรีแลนซ์ ไม่ใช่ใครๆ ก็ทำได้ แต่ผมจะไม่สร้างภาพปีศาจขึ้นมาหลอกหลอน ขอพุ่งชนเลยจะดีกว่า”
“คุณจะใช่มังกรหรือไม่ผมไม่รู้ แต่มหาสมุทรกว้างนะ Timmy”
“ผมจะเป็นมังกรหรือกิ้งกือ อนาคตเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ที่แน่ๆ ผมมั่นใจว่าคนอย่างผมตกอับสามารถเข็นรถขายส้มตำไก่ย่างได้สบายๆ….ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง ต่อจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะต้องเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวซะที”
“ถ้าใจคุณไม่อยู่แล้วผมก็หมดทาง….โชคดีนะทิมมี่”
เมื่อได้ยินคำว่า “โชคดีนะทิมมี่” ใจผมก็สั่น หน้ามืดแทบหาประตูทางออกไม่เจอ….ผมต้องเป็นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบตัวเอง-ด้วยตัวเอง-เพื่อตัวเอง และเดือนหน้าไม่มีเงินเดือน แล้วค่าใช่จ่ายทั้งหมดละจะหามาจากไหน….งานที่รับค้างๆ อยู่ต้องเปลี่ยนเงื่อนไขรับเงินทั้งหมด แล้วจะเริ่มจากตรงไหนวะเนี้ย”
ก้าวแรกเมื่อเดินออกมาจากบริษัท-ในหัวเห็นแต่ไอ้ด่างสุนัขข้างถนนที่อยู่สาขาถนนศรีนครินทร์
“หมามันยังไม่ปล่อยให้ตัวเองอดตาย กูเป็นคนแพ้หมาก็อายหมาละวะ” ผมลบภาพปิศาจทิ้ง แล้วก้มหน้าก้มตาสร้าง Profile ยื่นเสนอทำงานในแบบฟรีแลนซ์เป็นร้อยบริษัท แต่มีเพียงไม่กี่บริษัทตอบกลับ เมื่อมายืนอยู่จุดนี้ทางเดียวที่ผมจะได้งานต่อเนื่องผมต้องเป็นมืออาชีพ ผมต้องเป็น Professionals เท่านั้นเวลาทำงานปกติวันละ 8-10 ชั่วโมง เมื่อมาทำฟรีแลนซ์ ผมอยากให้ 1 วันมี 48 ชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ ผมทำงานไม่หยุดเมื่อมีงาน วิ่งคุย-เจรจากับลูกค้า ต่อลอง-อ่านเกมคู่ต่อสู้ด้วยตัวเอง พึ่งตัวเอง เพื่อตัวเอง เมื่อว่างจากงานผมก็เปิดร้านขายอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์บวกตุ๊กตา Gift Shop ในตะวันนา 2 สาขา และอิมพีเลียลสำโรงอีก 1 ที่ ผมโชคดีอยู่อย่างที่รู้จักเจ้าของโกดังที่สำเพ็งเลยได้ของมาลงร้านก่อน เปิดร้านช่วงแรกๆ ผมจะเป็นคนไปนั่งขายเองประมาณ 1 เดือน พอรู้ยอดขายจึงจ้างเด็กเข้ามาขายแทน ผมจะทำแบบเดียวกันทั้ง 3 สาขา ในใจผมก็มโนแบบศิลปินมองโลกสวยๆ ประมาณว่า
“จะเปิดร้าน 4-5 สาขา เอาของไปลงให้เด็กขาย ตอนเย็นก็จะวิ่งเช็คยอดเก็บเงิน เก็บเงิน เก็บเงิน เวลากลางคืนกับกลางวันก็นั่งทำงานออกแบบ-เขียนแบบอยู่บ้านตามปกติ มันน่าจะไปได้สวย….
แต่เอาเข้าจริงๆ มันไม่ง่ายเหมือนกับมโน ผ่านไปไม่ถึงปี ปัญหาเด็กขายของ ยอดขายไม่ถึงและปัญหาอีกสารพัดก็ทำให้ผมท้อ ผมเกือบเอาตัวไม่รอด สรุปสุดท้ายก็ต้องเซ้งร้านให้คนอื่นที่ละร้านๆ ที่ละสาขา แล้วกลับมาทำงานที่ตัวเองถนัดแบบ 100%
ชีวิตฟรีแลนซ์ไม่ใช่ง่ายๆ แต่หากคุณเป็นมืออาชีพ-ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ผมผ่านมันมาเกือบ 20 ปี ล้มลุกคลุกคลาน บางเดือนเงินเหลือ บางเดือนเงินไม่พอใช้ ขออย่างเดียววินัยการเงินต้องเปะ! การกินการอยู่ขอให้ง่ายๆ เข้าไว้ เชื่อมั่นในตัวเอง เวลาพบกับลูกค้าอย่าให้ค่าตัวเองต่ำกว่า เพราะหากคุณให้ค่าตัวเองต่ำกว่าคุณแพ้ตั้งแต่ยังไม่ก้าวขาออกจากบ้าน
งานเจรจาเรื่องผลประโยชน์คุณต้องแม่น ต้องมีมาตรฐานของตัวเอง ไม่ใช่เอะอะก็ “แล้วแต่พี่จะให้” หรือ “แล้วแต่จะเห็นสมควร”
ไม่ได้!….แบบนี้ไปไม่รอดแน่ๆ ถ้าคุณเป็นมืออาชีพจริงๆ เรื่องค่าตอบแทนจะต้องอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่สภาฯ สมาคม หรือกฎหมายของแต่ละวิชาชีพกำหนดเอาไว้ คุณจะหาข้อมูลพวกนี้ได้จากสภาหรือสมาคมวิชาชีพของคุณเอง หรือจากอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก
อย่างว่าแหละ ฟรีแลนซ์คือก้าวแรกของผู้ประกอบการ ถ้าคุณไม่กล้าออกมาทำฟรีแลนซ์โอกาสที่คุณจะเป็นผู้ประกอบการหรือเถ้าแก่ก็น้อยหรือแทบไม่มีเลย
คิดบวกๆ อย่าสร้างปิศาจขึ้นมาในหัว อยากทำอะไรพุ่งชนให้แหลกไปข้างหนึ่ง ผลออกมา-เรา-ตัวเรา-รู้ด้วยตัวเรา-รับผิดชอบด้วยตัวเอง-จบ
ตอนที่ยังทำงานประจำ ผมตั้งใจสร้างหนี้ให้เยอะเข้าไว้ เพราะเมื่อออกมาทำฟรีแลนซ์จริงๆ ความคิด-สมองก็จะหมุนเป็นลูกข่าง
ทำอย่างไรน้อ! จึงจะหาเงินมาใช้หนี้ได้ และจงเชื่อมั่นขนาดหมาข้างถนนยังไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองอดตาย คนมีหรือจะยอมแพ้จริงไหม สายน้ำยังมีทางออก คนเราก็เช่นกัน และอย่าลืมนะครับโลกกำลังจะเปลี่ยน-งานหลายๆ วิชาชีพไม่มีความจำเป็นต้องไปนั่งสุมหัวกันในที่ทำงานแล้ว ตัวอย่างเช่น นักออกแบบ นักบัญชี นักสร้างฝัน ฯลฯ สามารถทำงานอยู่บ้าน ส่งงานทางอินเตอร์เน็ต รับเงินทางแอปพลิเคชั่น….จบในเสียวนาที โลกเปลี่ยนไปแล้วครับ ว่าแต่คุณจะตามโลกทันหรือเปล่า
สุดท้าย คิดบวก ความสุขในมุมเล็กๆ ตอน “ฟรีแลนซ์” ก็อยากจะบอกคนที่กำลังคิดจะออกจากงานประจำมาทำงานฟรีแลนซ์ดังๆ ว่า
“ถ้าเป็นมืออาชีพก็ไม่ต้องกลัว โลกในวันพรุ่งนี้จะเป็นของคุณอย่างแน่นอน โชคดีนะครับ”