ความพอดีและความดีพอ

ห้องพระโพสต์นี้ว่าด้วยเรื่อง ความพอดีและความดีพอ

ความพอดีและความดีพอ

หากเราใช้ “ความพอดี” เป็นมาตรฐาน เวลาพิจารณาสิ่งต่างๆ ในโลกเราจะสามารถนำไปใช้ได้เป็นอย่างดีกับทุกสิ่งทุกอย่าง การที่กล่าวว่าวิธีปฏิบัติไม่ดีพอ ดีมากเกินไป การมีแนวความคิดที่เอียงซ้ายและเอียงขวาหรือเมื่อมีเงินทองก็ทำโอ้อวด แต่พอไม่มีก็ห่อเหี่ยว โดยมากมักจะโน้มเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง เป็นสาเหตุทำให้เกิดความล้มเหลว คำกล่าวต่างๆ ที่มีมาแต่โบราณ เช่น “จงอยู่ในความพอดี” “ความพอดีนั้นแหละดี” หรือ “จงรักษาความพอเหมาะพอดีไว้เท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย”ความพอดีและความดีพอ

ณ ป่าแห่งหนึ่งซึ่งมีความแห้งแล้งมาก ต้นไม้ต่างยืนแห้งตาย น้ำในลำธารก็แห้ง สัตว์ต่างๆ ก็ได้รับความเดือดร้อน ล้มตายกันทุกวัน  มีลิง 4 พี่น้องอาศัยอยู่อย่างอดอยากอีกทั้งยังมีความพิการตั้งแต่กำเนิด ลิงตัวที่ 1 ตาบอด ลิงตัวที่ 2 หูหนวก ลิงตัวที่ 3 เป็นใบ้ ส่วนลิงตัวที่ 4 ปัญญาอ่อน เทวดาเห็นว่าลิงทั้ง 4 มีความรักใคร่ปรองดองกันอยู่ในศีลธรรมอันดี เกิดความสงสาร จึงได้แปลงกายเป็นชายชรา ลงมาช่วยเหลือลิงทั้ง 4 โดยมอบแผนที่ที่จะนำไปสู่ป่าที่อุดมสมบูรณ์

“จำคำข้าไว้นะ หนทางนี้จะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ จะว่าไกลก็ไม่ไกล  ตลอดเส้นทางจะมีมารคอยหลอกล่อพวกเจ้าอยู่ ให้หลงเพลิดเพลินกับสิ่งต่างๆ ถ้ามีจิตใจมั่นคง แน่วแน่เท่านั้นที่จะผ่านไปได้ บนเส้นทางเราเองก็คงไม้รู้ว่า ทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร อาจจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบหรือไม่ก็เป็นหลุมเป็นบ่อ ทุกครั้งที่ก้าวเดินจึงต้องระมัดระวัง” เมื่อชายชรากล่าวจบลิงทั้ง 4 ก็รีบออกเดินทาง

วันแรก ที่ออกเดินทางเป็นป่าทึบร้าง แต่กลับมีผลไม้หลากชนิดวางอยู่เป็นกองใหญ่ เมื่อลิงทั้ง 3 เห็นก็เกิดอาการหิวจะเดินตรงเข้าไปกิน แต่ลิงตัวที่ตาบอดก็ร้องห้ามไว้  “จะมัวช้าอยู่ทำไม เดี๋ยวไปไม่ถึงหรอก” ลิงทั้ง 3 จึงได้สติและเดินทางต่อ

วันที่สอง ต้องเดินทางผ่านเมืองที่มีความเจริญและเต็มไปด้วยเสียงดนตรีชวนให้หลงไหล  เมื่อลิงทั้ง 3 ได้ยินก็หยุดฟัง แต่ลิงที่หูหนวกก็ร้องเรียก “จะมัวหยุดเดินทำไมไปกันต่อสิเดี๋ยวจะไปถึงช้าเอาได้” มื่อลิงทั้ง 3 ได้ฟังก็มีสติและได้เดินทางต่อ

วันที่สาม ได้เดินทางผ่านโรงละครสัตว์ ก็มีเจ้านกแก้วตัวหนึ่งเอ่ยปากเยาะเย้ยในความพิการของลิงทั้ง 4 “พวกเจ้าช่างน่าสมเพชเสียจริง เกิดมาทั้งทีก็ยังไม่สมประกอบ แตกต่างจากลิงตัวอื่นๆ แล้วยังต้องมาตกระกำลำบากอีก” เมื่อลิงทั้ง 3 ได้ยินก็เกิดโทสะอ้าปากจะด่า เจ้านกแก้วให้หายเจ็บใจ “อื้อ อื้อ อื้อ อ้า” ลิงตัวที่เป็นใบ้ได้ดึงมือพี่ๆ และน้องเอาไว้ให้เดินทางต่อ ลิงทั้ง 4 ก็เดินมาถึงทางแยกสองทาง ทางซ้ายเป็นทางเข้าเมือง ซึ่งมีที่พัก ผัก ผลไม้ อาหารจัดเตรียมไว้อย่างอุดมสมบูรณ์ ส่วนทางขวาเป็นทางที่จะมุ่งไปสู่ป่า ลิงตัวพี่ทั้ง 3 ต่างปรึกษาหารือกัน ทั้งสามต่างก็คิดกันว่าจะไปทางซ้ายเพื่อเข้าไปในเมือง ที่มีความสมบูรณ์เพียบพร้อม พวกเราจะได้สบายกันสักที “พี่ๆ เราจะไปทำไมละทางนั้น แผนที่นี้จะนำพวกเราไปป่าไม่ใช่หรือ ในเมืองมันไม่เหมาะกับพวกเราหรอก”  ลิงตัวที่ 4 ซึ่งปัญญาอ่อนเอ่ย ทำให้ลิงทั้งสามฉุกคิดขึ้นมาได้และมุ่งไปทางขวา ไม่นานลิงทั้ง 4 พี่น้องก็เดินทางถึงป่าที่อุดมสมบูรณ์ด้วยผลไม้หลากหลาย มีลำธารน้ำไหลผ่าน เต็มไปด้วยความร่มรื่นเย็นสบาย และไม่มีอันตรายจากสิ่งใดๆ

ความพอดี

ในการเดินทางของพวกลิงทั้ง 4 นี้ก็เหมือนการเดินทางของใจไปบนเส้นทางธรรม เคล็ดลับก็คือ การเดินทางด้วยสติสัมปชัญญะ เมื่อคนหนึ่งหลงไปดู หลงไปฟัง หลงไปคิดด้วยอำนาจของมาร ที่มาหลอกล่อให้ล่าช้าหรือหยุดเดินก็จะมีคนที่มาเตือนสติให้เดินต่อไป ซึ่งในคนธรรมดาจะไม่สามารถมีสติได้ทัน

จึงใช้ชีวิตหมดไป กับความโลภ ความโกรธ ความหลงในเรื่องต่างๆ โดยไม่รู้ว่าตัวเองหลงอยู่ อีกทั้งคนทั่วๆ ไป ยังมีแต่ความลุ่มหลงในวัตถุ ในการเดินทาง และชื่อเสียง ฯลฯ

จึงหมดเวลาในชีวิตชาติหนึ่งๆ ไปอย่างน่าเสียดาย ใช้ชีวิตโดยไม่ได้ทำให้จิตพัฒนาแต่อย่างใด มีแต่จะทำบาปกรรมให้จิตใจต่ำลง การมีสติในชีวิตประจำวัน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเดินทางของใจ

รวบรวมและเรียบเรียงธรรมะดีๆ โดย พเยาว์