นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง สูตรสะกดรัก ตอนที่4 “สาธุ! ชอบกินสก๊อตรังนก ก็ขอให้นกทีเถอะสาธุ สาธุ สาธุ”
สูตรสะกดรัก ตอนที่4
คำ ส า ป ข อ ง น า ง ยั ก ษ์ ข มู ขี
ทุกวันขวดสก๊อตรังนก พร้อมกับสื่อรักก็ผ่านมือติ๋มเด็กสาวผู้แสนซื่อ ถึงมืออนงค์สาวทุกวัน กระทั้ง 1 เดือนผ่านไปแบบเงียบๆ…สภาพ The Monster Man ก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลง…เอกตะวันดูดี ดูแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมเยอะ…แต่ความเซอร์ร็อกๆแบบกันตรึม-หมอลำผสมเพลงลูกทุ่งก็ยังเหลือติดกายอยู่นิดๆ…
…เวลา 20.00 น.ขณะที่แสงไฟหลากสีของเมืองใหญ่เต้นระริกในเงารัตติกาล…เอกตะวันก็เดินในแบบของตัวเองเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ…ความพยายามจะให้ทุกอย่างเป็นปกติ มัน…มัน…กลับไม่ปกติอย่างที่ตั้งใจ กระทั้ง…
“อาเอก…อาเอกใช่หรือเปล่าคะ”
“มิ้ม! …..” เอกตะวันทักทายด้วยน้ำเสียงกะประมาณ แปลกใจที่ได้เจอ ทั้งๆ ที่ตั้งใจมาเจอ…(พูดภาษาชาวบ้านชาวเมืองก็คือ….เสแสร้ง…ประมาณนั้น)
“อาเอกตัดผมยาวทิ้งแล้ว…ดูดี้ ดูดี ม๊าก มากเลยคะ…”
แต่อยู่ๆ….“พี่ตัวเล็ก….พี่ตัวเล็กเป็นอะไรคะ” เสียงติ๋มเด็กสาวผู้แสนซื่อ…ดังขึ้นที่เคาน์เตอร์
“พี่เอกคือชายในฝันของฉัน…ใช่ ใช่ ตั้งแต่แรกพบเชียวละ” นางพันธุรัตน์ อุ๋ย! นางยักขมูขี (อ้าวๆ หนักกว่าเดิมอีก) คร่ำครวญ
กลับมาที่เดิม….
“มิ้ม! เลิกงานแล้วใช่ไหม” เอกตะวันตัดสินใจถามตรงๆ และนิ่งเป็นหุ่นหินรอคำตอบ
“ทำไมหรือคะ…”
“ไปทานข้าวกับพี่…ได้ไหมครับ” เอกตะวันหรี่ตารอลุ้น อีกอารมณ์ที่อัดแน่นเป็นแก๊สก็ดันเลือดทั้งหมดขึ้นสู่ใบหน้า มันแดงซ่าน ไม่เว้นแม้กระทั้งใบหู…. (ไอ้นี้!…งูบนหัวเริ่มออกแล้วนะมึง)
อนงค์สาวจ้องหน้ายิ้มๆ…พร้อมกับยกนิ้วชี้ส่ายไปมา “ยังคะ ยังเรียกพี่ไม่ได้คะ คุณอา….แต่มิ้มก็ OK…ไปกันรึยังคะ”
เอกตะวันพยักหน้าอายๆ เร็วๆ แบบคนดีใจสุดๆ พร้อมกับเกร็งแขนฉลองชัย “Yes!….ครับๆ…” รถ BMW สีดำป้ายแดงก็แล่นออกจากลานจอด…ทิ้งความสงสัยไว้กับรถมอเตอร์ไซด์ของ โคมูละ เซนกิจิ ที่สวนทางเข้ามาแทนที่
…แต่นางยักษ์ขมูขีที่อยู่ภายในร้านกำลังร่ายมนต์ดำผสมความเครียดแค้น-ลงอาคมและเล่นของนานา… “สาธุ! ชอบกินสก๊อตรังนก ก็ขอให้นกทีเถอะสาธุ สาธุ สาธุ” อ้างอิง*
(อ้างอิง* คำว่านกเป็นศัพท์เฉพาะของกระเทย หมายถึงซวด- แห้ว หรือไม่สมหวัง ประมาณนั้น…เพราะฉะนั้นกะเทยทุกนางทราบแล้วเปลี่ยน…ลาบนกเป็นของแสลง ปีกไก่ก็ไม่ควรแตะต้อง แต่ตูดไก่กินได้ OK)
“พี่ตัวเล็กนะ…ไม่ดีนะคะ”
“นังติ๋ม…นั่นเซนกิจิ นิ…เชนกิจิ เซนกิจิคุง…” นางยักษ์ขมูขีตระโกนเรียก โคมูละ เซนกิจิ ตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึงหน้าร้านพลางกวักมือเร่งแบบ แรงๆ อีก “เร็วๆ เข้า”
“พี่ตัวเล็ก…..” ติ๋มกะจะปราม
“หุบปาก!” นางยักษ์ขมูขีหันไปตวาดพร้อมกับสะบัดแก้มแดงๆ ราวกับตูดลิงกังไปเพลิดเพลินกับหนุ่มญี่ปุ่น…
“เซนกิจิ….ตามมิ้ม! ไปด่วน…”
“มิ้มโกะจัง เป็น อะ ไร…หรือ ครับ” เซนกิจิพยายามพูดไทยช้าๆ ทีละคำ
“ไม่มีเวลาพูดแล้ว มิ้มอยู่ในรถ BMW สีดำป้ายแดง ที่เพิ่งแล่นออกไปนั้นแหละ”
โคมูละ เซนกิจิ หันขวับก่อนจะวิ่งไปยังรถมอเตอร์ไซด์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว
“อ้าว!…เขาไม่ขอบคุณฉาน! สักนิดเลยเหรอ….” นางยักษ์ขมูขียืนเบิกตาโพลง
“พี่ตัวเล็กนะ นะ นะ นะ……..”
“หอยลายกระป๋องหมด รึไง นังติ๋ม…ถึงได้ทำหน้าเป็นข้าวต้มจืดๆ แบบเนี่ย หา!…ไป….ไป….”
C l e a r…..หั ว ใ จ
“อาเอกคะ…” มิ้มเรียกชื่อเขาแบบคนหวาดระแวงขณะรถ BMW สีดำกำลังเลี้ยวเข้าโรงแรมริเวอร์ไซด์…ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
“มิ้ม! ไม่ไว้ใจ พิ พี่ เออ-อารึไง”
“ปะ เปล่า คะ คือ มิ้ม…”
“อะ อา สัญญา จะไม่ทำให้มิ้มเสียหาย”
ระรอกคลื่นจากเรือนานาในแม่น้ำเจ้าพระยาดีดดิ้น แสงไฟจาก 360 องศาสะท้อนจนผิวน้ำระยิบระยับประหนึ่งแสงดาวนับล้านสื่อสารกันไปมา….เอกตะวันเลือกที่นั่งติดกับท่าเรือของโรงแรม…บทเพลงรักโรแมนติกๆ ของเจนนิเฟอร์ คิ้ม ก็ได้เวลาขับขาน เขายิ้มแล้วยิ้มอีกให้กับเด็กสาวที่นั่งหน้าหวาดๆอยู่ฝั่งตรงข้าม…
“อาเอกคะ…มิ้มขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ” มิ้มพูด…เอกตะวันพยักหน้าลอยๆ เขามองตามอนงค์สาวด้วยแววตาเดียวกับมองแอนนี่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว กระทั้งเสียงเด็กหนุ่มที่ไม่คุ้นเคยก็ดังขึ้นเบาๆ ข้างหู
“หยุดเสียที คุณอา”
เอกตะวันหันขวับด้วยท่าทีระมัดระวัง…เขารู้และจำเด็กหนุ่มได้อย่างรวดเร็ว
“เซนกิจิคุง….” เอกตะวันอุทานบวกกับโล่งอกครึ่งหนึ่ง… “นาย นาย”
“คุณอา ไม่มีทางเป็นสรพงษ์ ชาตรี ไม่มีทางเป็นพี่เอกของมิ้มโกะจังได้หรอก…เข้าใจไหมครับ….คุณอา!” โคมูละ เซนกิจิ เน้นคำสุดท้ายแน่นๆ ก่อนจะทรุดนั่งแทนที่อนงค์สาวอย่างคนไม่มีมารยาท “วัย 40 ของคุณอา ไม่คู่ควรแม้แต่จะนั่งทานข้าวด้วยใจบริสุทธิ์กับเด็กสาวอายุคราลูก…เดี๋ยวชาวบ้านจะมองว่าคุณอาเป็นไอ้เฒ่าหัวงู….คุณอาเข้าใจไหมครับ”
เอกตะวันหน้าแดงราวกับโดนเด็กรุ่นลูกตบหน้าอย่างจัง…เขาใช้เวลาบำบัดและหลับตาหนีสัตว์ร้ายอย่าง โคมูละ เซนกิจิ ….
…สักครู่… “มิ้ม! คือรักสุดท้ายของอา…แต่สำหรับมิ้ม! ความรักของเธอพึ่งจะเริ่มต้น…มิ้ม! ยังมีเวลา มีโอกาสที่จะเลือก…ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า…เธอจะเลือกใครต่างหาก” เอกตะวันยื่นหน้ากระแทกเสียงแข็งต่ำๆ ใส่ จนเห็นรอยยิ้มเหยียดๆ แผ่กระจายราวกับรัศมีชั่วร้ายไปทั่วใบหน้าของ โคมูละ เซนกิจิ “…นายนะเด็กมากนัก เรียนยังไม่จบด้วยซ้ำ…ไม่ใช่รึ”
“คุณอา…ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ…คุณอาจะปรามาสผมแบบนั้นไม่ได้….คุณอาควรจะเรียกผมเสียใหม่ว่า โคมุละซัง ถึงจะเท่าเทียม” ขณะที่สงครามกำลังจะปะทุ มิ้มก็เดินกลับมา เธอยืนจ้องคนทั้งคู่กระทั้ง…โคมูละ เซนกิจิลุก เดินเข้าไปยืนคล้องแขนพร้อมกับดึงเธอเข้ามาหอมแก้มโชว์ต่อหน้า “มิ้มโกะจัง…กลับบ้านเรากันเถอะ”
มิ้มได้แต่อ่ำๆ อึ่งๆ อย่างคนหลงทิศ เอกตะวันลุกหน้าซีดเมื่อเห็นกริยาทิ่มแทงหัวใจแบบละครเกาหลี….
“มิ้มโกะจัง…” โคมูละ เซนกิจิ…กระตุ้นอีก
“อาเอกคะ…อย่าลืมสัญญาระหว่างเรานะคะ…มิ้มอยากให้อาสู้…ความรักของมิ้มพึ่งจะเริ่มต้น…มิ้มมีสิทธิ์เลือกใช่ไหมคะ คะ อาเอก”
เอกตะวันจำต้องพยักหน้า…แต่แววตาลึกๆ กลับเห็นบางอย่าง “พี่ เอ่อ…อาสัญญา…วันหนึ่งสก๊อต…จะสะกดคำว่ารักให้กับเรา”
โคมูละ เซนกิจิ ขมวดคิ้วคล้ายกับสงสัย แต่เขาก็ลากแขนมิ้มออกจากโรงแรมไปราวจะไม่ใส่ใจ….เวลา 24.00 น. เจ้าพระยาหลับแล้ว คงเหลือแต่หนุ่มใหญ่วัย 40 เท่านั้นที่ยังนั่งนับดาวบนผิวน้ำแบบเศร้าๆ…เพียงลำพัง….
“สักวันเราต้องเป็นสรพงษ์ ชาตรี ของมิ้มโกะจังให้ได้” พูดจบขวดสก๊อตรังนกก็ถูกเปิดใช้งาน….
“คุณครับคุณ…นั้นๆ เขาใช้ทาหน้าหรือกินครับ” เสียงหนุ่มใหญ่ตัวดำโต๊ะข้างๆ ถาม
“จะดื่ม-กิน-หรือรับทานก็ได้….แต่ห้ามทาหน้า…ดูนะ ดูให้ดี” แล้วเอกตะวันก็ดื่มสก๊อตรังนกโชว์อย่างภาคภูมิ
“อ้อ….ครับๆ เข้าใจแล้วครับ”
เจนนิเฟอร์ คิ้ม…กำลังจะอ้าปากจะร้องเพลงรักเศร้าอีกเพลง….เอกตะวันก็ลุกยืนพร้อมกับตะโกนใส่เธอด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดทาง…ดังๆ ว่า
“เจ้คราบ….หมาคาบไปรับทานแล้วคราบ พอเถอะ จบเถอะ…ไปขายบ๊ะจ่างเถอะนะเจ้นะ”
โ ค มู ล ะ เ ซ น กิ จิ
ณ มหาวิทยาลัย อัสสัมชัญฯ วิทยาเขตบางนา…เวลา 11.15 น.
“โคมูละ เซนกิจิ นายเป็นใครกันแน่นะ…” เอกตะวันพึมพำขณะรอนั่งเข้าประชุม Project ใหม่พร้อมกับทีมวิศวกร…พลันสายตาก็ปะเข้ากับอนงค์สาวในชุดกระโปรงยาวสีชมพูสะอาดกำลังเดินข้ามอาคารเรียนทรงยุโรปตรงไปยังโรงอาหารที่อยู่อีกฝังหนึ่ง
“มิ้ม! ” เอกตะวันอุทานเบาๆ ระยะห่างเป็นอุปสรรค เขาจึงเร่งฝีเท้าข้ามสนามหญ้าสลับพุ่มดอกลีลาวดีหลากสีที่กำลังอวดความสดใสบานสะพรั่ง แต่ขณะที่กำลังจะเข้าถึงระยะพอจะเรียกทักทาย…เสียง โคมูละ เซนกิจิ ก็ดังขึ้นมาก่อน
“มิ้มโกะจัง…ช้าอีกตามเคยนะ”
“ผู้ชายงอนเขาเรียกว่าอะไรน่า….” เสียงของอนงค์สาวสดใสราวกับเสียงพิณอาบน้ำค้างยามเช้า
“ไม่ต้องเลย…” ทั้งคู่สลับกันล้อ เสียงหัวเราะต่อกระซิบราวกับโลกอดัมกับอีฟหวนกลับมาอยู่ต่อหน้า
เอกตะวันหน้าชาจนคล้ายตัวเองเป็นหุ่นหิน “ก็เรา 40 แล้วนินะ…ไม่มีวันจะเป็นสรพงษ์ ชาตรีให้มิ้มโกะจังได้หรอกน่า!” เขาสบถแบบคนน้อยใจพร้อมกับเลี่ยงหลบกลับทางเดิมแบบเงียบๆ แต่ขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นสู่อาคารหอภาพยนตร์ โคมูละ เซนกิจิ ก็กระโจนขวางทางด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดและเกลียดชังสุดชีวิต…
“นายเป็นใครกันแน่ เซนกิจิ” เอกตะวันถามตามความสงสัยตั้งแต่แรก
“แต่ผมจำคุณอาได้เป็นอย่างดี…ไม่มีวันลืม และจะไม่ลืมตลอดชีวิต”
“นายเป็นใครกัน…นายเป็นใครเซนกิจิคุง” เอกตะวันกำลังจะหมดความอดทนกับท่าทียียวนกวนประสาท เขาก้าวเข้าไปยืนประชิดจนได้กลิ่นลมหายใจของอีกคนชัดเจน “ทำไมนายถึงรู้เรื่องของฉันทุกอย่าง…ไม่ว่าจะเป็น……สรพงษ์ ชาตรี หรือแม้แต่ แอนนี่ แฟนเก่าของฉัน”
“คุณอา!” เซนกิจิถอยฉากเมื่อเอกตะวันหลุดชื่อสุดท้ายให้เขาได้ยิน… “คุณอา จะทำลายชีวิตพวกเราไปถึงไหน…คุณอาไม่มีสิทธิ์เอ่ยชื่อนั้นออกมา… คุณอา!…คุณอา!”