สูตรสะกดรัก ตอนที่2

นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง สูตรสะกดรัก-ตอนที่2 รอยอดีต “เอกคะ…คุณดีเกินไป สำหรับแอนนี่…”

สูตรสะกดรัก ตอนที่2

ร อ ย อ ดี ต

ต่อเลยนะ…ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว อย่างที่ได้เกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้วนั้นแหละ พระเอกของเราอยากหล่อเหลา อยากเก่งและอยากดังเหมือน พี่เอก สรพงษ์ ชาตรี Idolในดวงใจ  เขาเลยตั้งชื่อเล่นบวกชื่อจริงให้ตัวเองว่า “เอกและเอกตะวัน”…ส่วนนงคราญหญิงสาวผู้ตีจากมีชื่อแบบฝรั่งว่า แอนนี่  OK…ส่วนนางเอกตัวจริงเสียงจริงของเรา…ค่อยว่ากันในฉากต่อไป

วันฝนพร่ำๆ ณ รีสอร์ตแห่งหนึ่งที่เขาใหญ่…นงคราญรูปร่างสะโอดสะองสะบัดผมสีทองยาวสลวยด้วยท่าทีหงุดหงิด…จนกระทาชายที่กำลังห่มผ้าครึ่งตัวต้องยันตัวพิงหมอนในแบบคนต้องการตั้งคำถาม

“แอนนี่…คุณเป็นอะไรรึเปล่า? ครับ”

นงคราญนางนั้น..ลุกเดินสะบัดตูดกลมๆ ไปหยุดที่ประตูทางออก… “เอกคะ…คุณดีเกินไป สำหรับแอนนี่…”

กระทาชายเห็นลางร้ายจากวลีสั้นๆ จึงกดน้ำเสียงที่กำลังหวาดหวั่นถามกลับ  “หมาย…หมายความว่า…”

“เราเลิกกันเถอะ…” เธอไม่รอคำตอบ…รถโตโยต้าพรีอูสสีบลอนก็ทิ้งควันสีขาวให้อีกคนได้ระลึก
เมื่อทุกอย่างกระจ่างแจ้ง…เอกตะวันก็ลุกจากเตียงวิ่งตาม…สายฝนกับแดดเช้ากำลังสร้างม่านสีรุ้งทางทิศตะวันตก…เขาเหมือนจะไม่เพลิดเพลินอย่างที่ควรจะเป็น…มือไม้สั่นเทาพลางป้องปากตะโกนตามคนรักแบบเดียวกับคนคลั่ง…

“แอนนี่ ผมดีเกินไปสำหรับคุณใช่ไหม…ผมดีเกินไปใช่ไหม…อีบ้า! มึงกลับมา กูจะโหดให้มึงเห็น กูจะชั่วให้มึงสมใจ พรุ่งนี้กูก็จะเริ่มต้นสาระเลว…กูจะตบมึงทุกๆ วัน อีแอนนี่….มึงได้ยินไหม มึงได้ยินกูไหม อีบ้า!…”

กระนั้นโทรศัพท์มือถือก็ยังถูกหยิบขึ้นมาใช้งาน…กริ้ง!…กริ่งๆ…(เอกคะ แอนนี่ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ)

“เหตุผลเพราะว่า ผมดีเกินไป เท่านั้น เองรึ! แอนนี่”

(อีกอย่าง…คุณไม่มีทางจะเป็น สรพงษ์ ชาตรี ให้แอนนี่ได้…จบไหมคะเอก)

“แอน…นี่….”

(คุณไม่มีทางจะเป็น สรพงษ์ ชาตรี ได้….ไม่มีทาง) เสียงแหลมๆ..กรีดตะคอก  ทำให้เอกตะวันถึงกับตัวชาพูดอะไรไม่ออก เขาทิ้งเงาให้แสงรุ้งหลากสีกลืนกินราวกับจะทบทวนวาระสุดท้าย…

“แอนนี่…” คำละเมอไร้ความหมายเมื่อโทรศัพท์ในมือหล่นจมโคลน ความรักยังเล่าความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง จนกระทั้งร่างตระหง่านโงนทรุดลงไปกองกับพื้นราวกับเศษผ้าขี้ริ้วมอมซอ… “แอนนี่…แอนนี่…แอนนี่…สักวันผมจะเป็น สรพงษ์ ชาตรี ให้คุณมาสยบแทบเท้า…สักวัน …สักวัน”

ม นุ ษ ย์ ง า น

“แอนนี่ แอนนี่…แอนนี่” คำรำพึงรำพันค่อยๆ เบาลง จากวัน-เป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์-เป็นเดือน จากเดือน-เป็นปี…ในที่สุดอำนาจด้านมืดของความรักก็สำแดงตัวตน…

“แอนนี่ แอนนี่” ชื่อคนรักที่หลุดจากปากค่อยๆ ขยับกระด่างสู่ความหมายหยาบคาย…เสียงกระแทกห้วนๆ มีความโกรธเกลียดปะปนจนแยกแยะไม่ออก…

“จริงๆ แล้วเงินใช่ไหมที่ผมขาด…เงินใช่ไหมที่คุณจากไป…เงินต่างหาก ไม่ใช่เพราะผมไม่ใช่ สรพงษ์ ชาตรี ของคุณ…ใช่ๆ…คุณคอยดูแอนนี่…ผมจะทำให้คุณมาสยบยอมสักวัน…แอนนี่!” จากวันนั้นงานและเงินก็เข้ามามีบทบาทแทนที่ เส้นผม หนวดเครา และร่างกายถูกละเลยสิ้นแล้ว… ความเป็นสรพงษ์ ชาตรีกำลังเดินห่างจากกระทาชายผู้จมปลั๊กอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทีละก้าว ทีละก้าว…

The Monster Man

ปีที่ 5 ของมนุษย์งาน ที่บริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง…

“คุณเอกตะวัน….คุณทำให้บริษัทเราขาดคนอย่างคุณไม่ได้…แน่ละผลงานของคุณเป็นที่ยอมรับของดีเลอร์ทั่วประเทศ…แต่อย่างหนึ่ง เอ่อ…มันอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวสักหน่อยนะ…ผมวิจารณ์ได้ไหม?”

ชายหนวดเคร่ารุงรัง เส้นผมยุ่งเหยิงราวกับรังนกกระจอกหันใบหน้าตกกระมองแบบเมินๆ… “หึ หึ” แต่ก็ดันเสียงหัวเราะราวกับสะใจและเชิงอนุญาต

“แรกๆ คุณดูดีเกือบจะเป็นสรพงษ์ ชาตรี ได้แล้วเชียว!…แต่เกิดอะไรขึ้นกับคุณ…. มัน…มันถึงได้ใกล้เคียงกับ The Monster เข้าไปทุกวันแบบนี้…ดีลเลอร์เองก็เริ่มพูดถึงคุณในแง่ร้ายแล้วน่า…ดูแลตัวเองหน่อยซิ…ภาพลักษณ์สำคัญพอๆ กับภาพพจน์ของบริษัทมากนะคุณ รู้ไหม…”

เอกตะวันเกาศีรษะอย่างคนไม่ระมัดระวังกริยา “พูดจบรึ ยัง…” เขาลุกเดินไปหยุดที่ประตูกระจกบานใหญ่ของห้องประชุม… “ก็ผมเป็น The Monster man นี่ครับ ใส่ใจเรื่องผลงานอย่างเดียวดีกว่ามั่ง…รับรองบริษัทคุณไม่ผิดหวังแน่นอน…คุณเองนั้นแหละพร้อมจะขึ้น present  รึยังละ…”

“คุณนี่น่า!…รถยนต์ก็ควรจะเปลี่ยนคันใหม่ได้แล้ว หรือไม่ก็เอารถบริษัทไปใช้ซะ…”

“ขอบคุณมากๆ…ผมเบื่อจะเป็น สรพงษ์ ชาตรี เต็มทีละ…ไปกันดีกว่าอย่าให้ดีลเลอร์รอนานเลย…เดี๋ยวงานจะเสีย” เอกตะวันหันมาพูดเร็วๆ

“อยากรู้จังเลยว่าใครกันนะ ที่ทำให้คุณเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้…ไป ถ้างานเสียอีก…รับรองคุณจบอนาคตกับบริษัทผมแน่ๆ”

โฉมงาม The Monster และนางยักษ์ขมูขี 1

เมื่อเวลาเดินเข้าสู่ ปีที่ 5 The Monster Man คือสมญานามที่เอกตะวันได้รับ กระนั้นเขาก็ยังปล่อยให้ความเป็น สรพงษ์ ชาตรี หายไปจากชีวิต กระทั้งเข้าสู่ปีที่ 10 The Monster Man ร่างใหญ่ก็ผ่ายผอมเหลือเพียงกระดูกติดซากชีวิต…หนวดเครารุ่งรังยิ่งกว่าเดิม เส้นผมแตกปลายห้อยหย่องแหย่งไม่เป็นทรงเกือบถึงสะโพก…Oh! my God…” ทำไมเขาถึงปล่อยตัวได้ถึงเพียงนี้นะ

“แอนนี่….” เป็นเพราะผู้หญิงที่เขาละเมอถึง รึ เปล่า “แอนนี่!….” แต่น้ำเสียงที่สะบัดหลุดจากปากเพราะความเคยชินไม่เหลือความรู้สึกโหยหาเลยสักนิด

….กระทั้งเช้าๆ วันอาทิตย์…ร้านสะดวกซื้อชื่อดังก็มาเปิดสาขาใกล้ๆ คอนโดฯ ที่พัก…ซากที่เหลือเพียงสัญญาณชีวิตก็เดินดุ่มๆ เข้าไปภายในร้านแบบคนไม่ทันระวังตัว…

“อุ้ยตาย….แต่ก็ยินดีตอนรับคะ”

เอกตะวันเหลือบมองพนักขายชายแต่งหญิงร่างยักษ์ในลักษณะตำหนิ…กระนั้น

“อุ้ยตาย…” เขาสะบัดหางเสียงตอบกลับในเชิงล้อเลียน “แก้มแดงเป็นตูดลิงกังเลยนะจ้ะคนสวย” เอกตะวันต่อด้วยเสียงเซื่องๆ แล้วก็เดินผ่านแบบไม่ใส่ใจ ปล่อยให้พนักงานขายชายแต่งหญิงร่างยักษ์ถึงกับใส่เขี้ยวแปลงร่างเป็นนางยักษ์ขมูขีขึ้นมาทันทีทันใด

“อ๊าก….กรี๊ด!ๆ” นางยักษ์ขมูขีดิ้นพล่านๆ

“พี่ตัวเล็ก…ใจเย็นๆ นั้นนะลูกค้านะ…ตูดลิงกังแดงกว่าแก้มพี่ตัวเล็ก..แน่นอนคะ….ติ๋มยืนยัน”

“นี้ นี้…นัง นัง ติ๋ม หล่อน หล่อนไปไกลๆ เบอร์ 43 ของฉันเลยนะ…ฮึ !ฮึ! ฮึ!”

โฉมงาม The Monster และนางยักษ์ขมูขี 2

ต่อเลยนะครับ…..เอกตะวันเดินเนิบๆ ไปหยุดที่กึ่งกลางระหว่างตู้แช่ฝ่ายธรรมะ (เครื่องดื่มบำรุงร่างกาย) กับฝ่ายอธรรม (เครื่องดื่มแอลกอฮอล์) ในแบบชั่งใจ จนไม่ทันสังเกตเห็นอนงค์แรกแย้มอายุพึ่งจะย่างเข้า 19 ปี ที่หอบกล่องสก๊อตรังนกแทรกผ่านไปจัดขึ้นชั้น…เขาไล่สายตาวนสลับเบียร์กระป๋องกับขวดนมสดอยู่หลายรอบ นิ้วมือก็กางกระดิกไปมาราวกับใช้มันช่วยคิดแทนสมอง กระทั้ง….

“คะ คุณอา!จะรับสก๊อตรังนกแท้ รึคะ”

เอกตะวันชะงักกับสรรพนามใหม่…เขาค่อยๆ เปรยสายตาไปสำรวจอนงค์สาวแบบจริงๆ จังๆ….แดดแรกสีเบจทำให้กุหลาบสีโอโรสเบ่งบาน มันงดงามจนมือไม้สั่นยกกางส่ายไปมาราวกับหาที่ซุกซ่อนไม่เจอ….จนทำให้อนงค์นางนั้นแปลเจตนาเป็น……

“คะ…คุณอา คุณอาจะรับ 5 กล่องรึคะ…มิ้มว่าดีแล้วละคะ…คุณอาจะได้กลับมาหล่อเหมือนสรพงษ์ ชาตรีอีกครั้งไงคะ”

“หา!…..จริงด้วย…สรพงษ์ ชาตรี…ใช่ๆ…” เอกตะวันสะดุ้งโหยงพึมพำในลำคอ แต่ก็ยังไม่กล้าประสานตากับเธอตรงๆ “ชื่อ…ชื่อมิ้ม รึ!…”

“คะ เป็นชื่อของผึ้งในภาษาอีสานนะคะ…” เธอตอบฉะฉาน ขณะเรียงกล่องสก๊อตรังนกวนไป

“มิ้ม…อื้อ…ชื่อของผึ้งในภาษาอีสานรึ! เพราะจังเลย” เอกตะวันพูดขณะเดียวกันก็เผลอรับกล่อง สก๊อตรังนกมาถือไว้ในมืออย่างคนเหม่อลอย

“ก็ไม่เชิงหรอกคะ…คุณแม่เป็นคนบุรีรัมย์ส่วนคุณพ่อเป็นญี่ปุ่น…หนูเลยมีชื่อมิ้มโกะ!….เวลาไปเยี่ยมคุณย่าที่ฮอกไกโด-ญี่ปุ่น…” เธอชายตามาตกที่เขาแบบจริงๆ จังๆ “คุณย่าก็มักจะเรียกว่า มิ้มโกะจัง! ….ประมาณนั้นคะ ฮิ ฮิ”

“ยัยมิ้ม จัดเสร็จแล้วมาช่วยทางนี้หน่อย” เสียงของนางยักษ์ขมูขีดังแทรกด้านหลังแบบตั้งใจขัดจังหวะสุดขอบโลก

“น้องมิ้ม…” เอกตะวันอุทานแบบไม่ทันระวัง หรืออาจจะใจลอยเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ อนงค์สาวหันมาประจันหน้าตรงๆ อีก

“คะ…คุณอา”

“เรียกพี่ได้ไหม…” อะไรละ เอกตะวัน คุณเป็นอะไร…หึ! หัวงูแต่เช้าเลยนะคุณนะ…(อันนี้ผู้เขียนทนไม่ไหวจริงๆ ขออนุญาตนะครับ)

“ฮิ ฮิ คุณอานี้ตลกจังเลยนะคะ….เอาอย่างนี้ …คุณอาเอาสก๊อต รังนกแท้เพิ่มอีกสัก 5 กล่องนะคะ ถ้าคุณอาหล่อเหมือน สรพงษ์ ชาตรี เมื่อไหร่ มิ้มจะยอมเรียกพี่ Ok ไหมคะ…..”

“เอก…ครับ ผมชื่อเอกตะวัน”

“คะ อาเอก”

“ยายมิ้ม….” เสียงนางยักษ์ขมูขีขัดจังหวะขึ้นมาอีกรอบ…

เอกตะวันถึงกับสูดลมเข้าท้องจนพองอิ่ม! “นี้เค้าอยากเกิดเป็นไม้ขัดหม้อหรือนางยักษ์ขมูขีกันแน่นะ”

“ฮิ ฮิ ก็อาเอกไปว่าแก้มพี่เขาแดงเป็นตูดลิงกังก่อนนี่คะ….เอากล่องสก๊อตรังนกมานี่ มิ้มช่วย”

“มิ้ม…แปลว่าผึ้ง…มิ้มโกะจัง…มิ้มโกะจัง”

Visited 18 times, 1 visit(s) today

เผยแพร่โดย

Avatar photo

TIMMY BUTO

นักเขียน เรื่องจริงอิงนิยาย และเรื่องราวทั่วไป