นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part2 สมรภูมิปักษา13
สมรภูมิปักษา13
กระแสจิตในคืนเพ็ญ
(อูคาชิ เซดะ โคทาโร่คุง เจ้ากำลังเดินเข้าสู่ความตาย…)
(ความตายที่ติดมาพร้อมกับคำสาปในสายเลือดซามูไรของมินาโมโต…มันเป็นมรดกที่เจ้าปฏิเสธไม่ได้…) เสียงสื่อจากกระแสจิตดังก้องในหัว ขณะที่โคทาโร่กำลังหลับสนิท มันเหมือนพลังงานบางอย่างกำลังดึงร่างพรางของนินจาให้หลุดลอยออกจากร่างซามูไรที่ยังคงหลับลึก (เซดะคุง…โคทาโร่) ร่างพรางของโคทาโร่เดินตามเสียงเรียกออกไปข้างนอกที่แสงจันทร์สาดฉายลงมาถึงพื้น พลันภาพชายชราในชุดกิมิโนสีขาวก็ปรากฏกายนิ่งอยู่กลางวงแสงสีเงินไม่ต่างอะไรกับภาพฉายจากเครื่องสามมิติ
“ท่านพ่อ…” โคทาโร่คุ้นจะเรียกสรรพนามนี้มากกว่า
(ใช้จิตคุยกับข้าเถอะเซดะ) เสียงสื่อแนะ
(ท่านพ่อ…) โคทาโร่ตอบสนองด้วยความรู้สึกที่นิ่ง
(ข้าเป็นตาของเจ้านะ…) รอยยิ้มที่อบอุ่น ส่งให้เขาจนหมดหัวใจ…
(ขอให้ข้าเรียกท่าน…ตามแบบที่ข้าคุ้นเคยเถอะ) โคทาโร่ตอบกลับด้วยความรู้สึกที่หน่วงลึกจวนเศร้า
(ข้าอยากจะเรียกเจ้ากลับไปเป็นคุณชายอูคาชิ เซดะเช่นวันเก่าๆ )
(เพื่อ อะไร…เพื่อให้ข้าพ้นจากคำสาปซามูไรที่ท่านไม่ยอมบอกอย่างนั้นหรือ)
(ข้ารู้ว่ามันเป็นเรื่องยาก…เพราะในขณะที่เจ้ายังอยู่ในโลกชิโนบิ แต่มือของเจ้ายังกำดาบคาตานะไม่ยอมปล่อย)
“ข้า…” โคทาโร่หลุดเสียงดังอีก
(เซดะคุง…โคทาโร่ข้าเสียใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้ หลังความตาย จิตส่ง ที่เจ้าผูกติดกับดาบคาตานะมูโตะจะนำสู่ภพใหม่…ใกล้ๆ กับสายน้ำตามวิถีแห่งซามูไร)
(ท่านพ่อ…ข้าต้องตายในสนามรบอย่างนั้นหรือ)
(สนามรักต่างหาก…เป็นความจริง ที่ถูกสาปเอาไว้แล้ว…)
(ใครเป็นต้นกำเนิดของคำสาปนี้…)
(ข้าบอกกับเจ้าไม่ได้…และมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะรับรู้) เสียงสื่อค่อยๆ เบาลง พร้อมๆ กับร่างของชายชราในชุดกิมิโนสีขาวก็ค่อยๆ เลือนรางก่อนจะค่อยๆ หายไปกับความมืด
(ท่านพ่อ..ท่านพ่อ…) “ท่านพ่อ…ท่านพ่อ…” โคทาโร่สะดุ้งตื่นท่ามกลางความมืด…นาฬิกาที่แขวนไว้ที่ข้างผนังบอกว่าเพิ่งจะหลับไปได้แค่ 2 ชั่วโมง เขาลุกขึ้นเดินมานั่งเก้าอี้โต๊ะทำงานและพยายามทบทวนความฝันที่เสมือนจริงในนาทีนั้นอีก
“คำสาปซามูไร….คำสาปซามูไร”
………..
“แม้จะเอาช้าง 1,000 เชือก………….มาฉุดลาก
แต่มิอาจหยุดหัวใจ…………………..ไม่ให้รัก”
มินาโมโต โคทาโร่
………..
หัวใจอมม่วง
เดือนสิงหาคม 1944 หน่วย โอ.เอส.เอส. ของอเมริกาและหน่วย 136 ของอังกฤษที่อินเดีย ได้ให้ความร่วมมือกับขบวนการ เสรีไทย มากขึ้น เจ้าหน้าที่ราชการลับถูกส่งเข้าในไทยด้วยวิธีต่างๆ สนามบินหลายต่อหลายแห่งกลายเป็นที่ขนส่งเครื่องบิน อาวุธยุทโธปกรณ์ ยาที่จำเป็นสำหรับใช้ในงานเสรีไทย ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรได้โดดร่มลงมาเพื่อเตรียมการฝึกอาวุธให้กับคนไทยในหลายๆ ที่ แผนการทั้งหมดจะเริ่มต้นขึ้นพร้อมกันราวเดือนมีนาคม ปี 1945 โดยค่ายสำหรับฝึกทหารของหน่วย โอ.เอส.เอส. ตั้งเป้าเอาไว้ทั้งหมด 13 ค่าย และค่ายฝึกของหน่วย 136 อีก 11 ค่าย แต่ละค่ายจะต้องมีแนวร่วมในครั้งนี้ไม่น้อยกว่า 500 คนขึ้นไป พวกเขาจะเริ่มเปิดค่ายในพื้นที่ภาคกลาง แล้วค่อยกระจายออกไปตามภาคต่างๆ ทั่วประเทศ
แต่ในเวลาเดียวกันขบวนการเสรีไทยที่อยู่ในประเทศก็ได้เริ่มต้นเป็นรูปธรรมขึ้นมา ทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันแทบทุกเรื่อง ฝ่ายขบวนการเสรีไทยก็คอยส่งข่าวความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นให้ฝ่ายสัมพันธมิตรได้รู้เป็นระยะๆ โดยมีคนไทยจำนวนหนึ่งที่อาสาเป็นสายลับ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็คอยสกัดกั้นและทำลายกองกำลังของญี่ปุ่นไปในตัว ยกตัวอย่างเช่นการทำลายสะพานที่สำคัญๆ ทางยุทธศาสตร์ ขโมยอาหาร เสบียง น้ำมันและอาวุธ ทั้งหมดนี้ได้สร้างความลำบากใจให้กับญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก…เพราะสาเหตุข้างต้น…พิธีแต่งงานของ มินาโมโต โคทาโร่ และ จันทร์หอม ธารารักษ์ จึงต้องรีบเร่งเพื่อกลบข่าวจากวงในมิให้แพร่กระจายออกไป
“ถึงเวลาแล้ว จันทร์หอม ทางส่วนกลางกำลังติดต่อให้หนังสือพิมพ์ทุกฉบับร่วมกันประโคมข่าว เพื่อช่วยขบวนการเสรีไทยเข้าประเทศ” มยุรีกระซิบในขณะที่ทั้งสองปิดไฟเตรียมเข้านอนเรียบร้อยแล้ว
“ฉันเกลียดเขายิ่งกว่าหนอน” จันทร์หอมพ่นเสียงลอดไรฟันเบาๆ
“บ้านเมืองกำลังอยู่ในสภาวะเป็นเบี้ยล่างของญี่ปุ่น…”
“เขาฆ่าสามีฉัน…”
“ถ้าอย่างนั้น มันก็ถึงเวลาแก้แค้น…มิใช่หรือ” มยุรีว่าต่ออย่างมีเชิง
“หากการแต่งงานของฉัน เป็นเพียงหน้าที่หนึ่งของพลเมืองไทยที่จะช่วยประเทศให้รอดพ้นจากสงครามได้ ฉันก็ยินดี” จันทร์หอมพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เวลา 1 ปีที่ผ่านมาทำให้นางเปลี่ยนไป…และจะต้องเปลี่ยนไปจนกว่านางจะได้ฆ่าเขาด้วยมือของนางเอง “เขาสังหารพี่โมกอย่างกับไม่ใช่คน”
“มันต้องอย่างนี้…” มยุรียุส่งเสียงอย่างสมหวัง
……….
เช้าวันต่อมาหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างเล่นข่าวการแต่งงานของคนทั้งสองอย่างเอิกเกริก….
“ซามูไรพบรักกลางสนามรบ”
ประวัติส่วนตัวรูปถ่ายและเรื่องราวความรักของคนทั้งคู่ถูกแต่งขึ้นราวเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ มันได้ผลเมื่อทหารญี่ปุ่นและผู้คนในสังคมต่างหันมาให้ความสนใจจนแทบลืมว่าเวลานี้สงครามยังคงดำเนินอยู่และกำลังดำเนินต่อไปด้วยหลากหลายกลยุทธ์…ไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อไฟสว่างขึ้น หมายถึงหลังสงครามสิ้นสุดลง ผลของมันจะออกมาเช่นไร….แต่สำหรับนายทหารที่เป็นทายาทของซามูไรแห่งตระกูลมินาโมโต กลับตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด วันแรกที่เขารักนางอย่างไร วันนี้รอยยิ้มที่นางใช้หัวใจยิ้มให้เขาก็ยังเป็นเช่นเดิม
“คุณชายข้ามีเรื่องจะคุยด้วย” เสียงไอซึเกะ เรียวตะดังขึ้นใกล้ๆ ในขณะที่เขาอยู่ในชุดลำลอง โคทาโร่เงยมองหน้าเพื่อนพร้อมกับยิ้มบางๆ เขาพยักหน้าให้นั่งลงเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่
“อื้อ!…สีหน้าเจ้าไม่ค่อยสบาย มีเรื่องอะไรหรือ” โคทาโร่ชิงถามขึ้นก่อน
“คุณชาย…คุณชายเอ่อ…”เขาไม่กล้าจะพูดในสิ่งที่อยากบอก โคทาโร่จ้องเขาไม่กระพริบ เรียวตะนั่งก้มหน้าสักครู่เขาก็เงยหน้าขึ้นมาสั่นๆ แต่ก็ต้องหลบไปอีก…
“ข้าเห็นว่าไม่ควรมีงานแต่ง” เรียวตะตัดสินใจพูดเร็ว…และเกร็งมือทั้ง 2 ข้างซุกไว้ระหว่างขา
“เจ้าว่าอะไรนะ ไอซึเกะ” โคทาโร่ลากเสียงต่ำถามพลางจ้องเพื่อนลึกเข้าไปอีก เรียวตะเงยหน้าขึ้นมามองแวบหนึ่งแล้วรีบหลบไป
“อย่างจ้องข้าด้วยสายตาอย่างนั้น หากเป็นในห้องนอนข้าถึงจะยอมหลับเพราะมัน…” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปรารถนาจากส่วนลึกได้หลุดออกมา
“เพราะเจ้ารักข้าใช่ไหม ถึงไม่อยากให้ข้าแต่งงานกับนาง” โคทาโร่โพล่งถามตรงๆ
“คุณชาย!…ข้า” เรียวตะหน้าซีด
“ไอซึเกะ…เพราะเจ้ารักข้าใช่ไหม” โคทาโร่ถามย้ำประโยคเดิม…และเหมือนเขาอดทนต่อความรู้สึกนี้ของเรียวตะมานานพอดู
“คุณชายอย่าเรียกข้าด้วยสกุลเลย มันดูห่างเหินจนทำให้ข้าเจ็บปวด” น้ำเสียงเกือบจะสะอื้นทำให้โคทาโร่นิ่งและก็เป็นเรียวตะที่พูดขึ้นมาก่อน “นางเกลียดคุณชายเสียยิ่งกว่าอะไร…นางไม่มีทางรักคุณชายได้หรอก” เสียงเบาลงจนไม่มีน้ำหนัก เรียวตะกุมมือที่กำลังสั่นจนเหงื่อชุ่ม…ขณะในหัวใจก็กำลังหน่วงหนักในคราเดียวกัน
“อีกอย่างที่ข้ารู้มา ตระกูลมินาโมโตจะไม่มีวันได้สมหวังความรักกับหญิง หากนางไม่ตาย คุณชายก็ต้องตาย หรือไม่ก็เป็นนางที่ต้องหนี”
“เรียวตะคุง!…เจ้ารู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา” โคทาโร่ตะโกนใส่อย่างสุดจะทน เขากระชากคอเสื้อเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเข้ามาจ้องเข้าไปในดวงตาในระยะประชิด
“เพราะข้าเป็นชาย…”
“เรียวตะคุง!…”
“ถึงข้าจะเป็นชาย…ข้าก็หวังจะหลับในอ้อมแขนตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ…คุณชายที่ปราสาทฮันโต” คำบอกเล่าของเรียวตะทำให้โคทาโร่ถึงกับอึ้ง
“ปราสาทฮันโต…” เขาทบทวนในความผิดพลาดครั้งนั้น
(ได้โปรดทำให้ข้าหลับ…คุณชายได้โปรด) เสียงของเขาเปลี่ยนที่ มันดังขึ้นจากเสียงสื่อในหัว ดวงตารี่ลงเพราะอำนาจของมนสะกดที่เหนือกว่า โคทาโร่ดีดตัวข้ามโต๊ะที่ขวางอยู่ไปยืนข้างๆ เขาโอบรับร่างที่กำลังหลับของเรียวตะเอาไว้ในอ้อมแขน
“เรียวตะ…อย่าพึ่งหลับนะ…เรียวตะคุง” โคทาโร่ตะโกนเรียกเสียงดังแต่เรียวตะก็หลับลึกไปแล้วทั้งๆ ที่น้ำตาของความผิดหวังค่อยๆ เอ่อล้นออกมาอาบแก้ม
“ข้าจะต้องรักชายอย่างเจ้าใช่ไหม คำสาปซามูไรถึงจะเล่นงานข้าไม่ได้…แต่ข้าก็ได้มอบชีวิตให้นางไปแล้วตั้งแต่แรก” โคทาโร่พึมพำอย่างคนไม่เหลือทางออก… “ถึงข้าจะตายเพราะนาง…มิใช่สงครามข้าก็ยอม…เรียวตะ”
……….
“ความรัก…………………..ย่อมสวยงามเสมอ
ถึงแม้…………….จะอยู่ในมุมสีม่วงก็ตามที”
ไอซึเกะ เรียวตะ
……….
จดหมายจาก “รู้ธ”
ในวันแต่งงาน
มินาโมโต โคทาโร่อยากจะแจ้งข่าวการแต่งงานของตัวเองให้ทางบ้านมินาโมโตได้รู้ แต่ในสถานการณ์สงครามที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ การสื่อสารหยุดชะงัก แต่เขาก็ให้สัญญากับตัวเองว่า…วันหนึ่งทุกคนที่คาโกคุมะจะต้องรับรู้เรื่องนี้
ในวันแต่งงาน จันทร์หอม ธารารักษ์ อยู่ในกิมิโนสีขาว มีผ้าคลุมหน้าบางๆ ปิดย้วยคลุมจนถึงไหล่ นางคือเจ้าสาวที่แสนวิเศษสำหรับซามูไรอย่างมินาโมโต โคทาโร่ ความรักที่กำลังเบ่งบานแต่ในเวลาเดียวกันพรสวรรค์พิเศษเยี่ยงชิโนบิในตัวกลับค่อยๆสูญเสีย “คำสาปซามูไร”ได้อุบัติขึ้นกับเขาแล้ว
“จันทร์หอม เจ้ารักข้าบ้างไหม” โคทาโร่เทียวถามคำๆ นี้กับนางในคืนแรกเป็นรอบที่ 15
“…………” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ นอกจากรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากเป็นครั้งที่ 15
“ชีวิตข้าเป็นของเจ้าแล้วนะ” โคทาโร่พูดออกจากหัวใจและรอยยิ้มของจันทร์หอมก็เหมือนจะปรารถนาเช่นนั้น แต่มินาโมโต โคทาโร่จะไม่ทันฉุกคิดในอีกความหมายที่แฝงอยู่ เขาเริ่มถอดหมวกผ้าของจันทร์หอมออกวางไว้ข้างๆ
“………” นางยินยอมให้เขาทำทุกสิ่งอย่าง แต่ข้างในกลับซ่อนปกปิดหลายอย่างเอาไว้อย่างแนบเนียน
“ข้ารักเจ้าเหลือเกิน โปรดบอกข้าสักคำเถอะว่ารัก…” โคทาโร่กระซิบ…น้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือพร้อมกับชุดกิโมโนหลุดลงไปกองอยู่ที่พื้นทีละชิ้น จนกระทั้งน้ำตาของจันทร์หอมเอ่อล้นออกมา
“เจ้าร้องให้…ข้า ข้าขอโทษ…หากทำให้ลำบากใจ”
“………” จันทร์หอมส่ายหน้าพร้อมกับใช้หัวใจยิ้มให้เขาแบบเดียวกับวันแรก
“ถ้าอย่างนั้นน้ำตาที่กำลังไหลออกมาข้าจะหมายความว่า เจ้ายินดี” โคทาโร่พูดอย่างคนได้ใจ เขาใช้หลังมือเช็ดน้ำตาให้จันทร์หอมอย่างทะนุถนอมและก้มลงจุมพิตนางที่แก้มอีกครั้ง ขณะเดียวกันมือก็รูดชุดกิโมโนของตัวเองไปด้วย
“ใจข้าจะขาดอยู่แล้ว…รักข้าเถอะนะคนดี”
“……….” แต่ก็ยังไม่มีเสียงพูดจากปากของอีกคน นอกจากลมหายใจที่เริ่มติดเกร็งติดเป็นช่วงๆ
“ข้าจะจูบเจ้าให้ครบพันครั้งก่อนฟ้าสาง…สุดที่รัก”
…………
24 สิงหาคม 1944
เรียน คุณจันทร์หอม ธารารักษ์
ขอบคุณมากที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ…ผลของการเสียสละของคุณในครั้งนี้ จะเป็นความดีที่ประเทศต้องตอบแทน ชื่อของคุณจะถูกจารึกเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ไปตราบชั่วนิรันดร์
รู้ธ
…………
กระดาษจดหมายสีน้ำตาลขุ่นที่มีข้อความสั้นๆ ซุกซ่อนมากับชุดกิมิโนก่อนวันแต่งงาน…ทำให้จันทร์หอมรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นตา ใจคอนางสั่นเหมือนจะเป็นไข้ ภารกิจสำคัญที่ได้รับกำลังจะหมายถึงทั้งชีวิต และชีวิตของนางก็หมายถึงประเทศชาติในเวลาเดียวกัน
“รู้ธ…รู้ธ เขาเป็นใครกัน” จันทร์หอมถามหญิงวัยกลางคนที่นำชุดมาส่ง นางจ้องหน้าจันทร์หอมนิ่งๆ ก่อนจะตอบกลับอย่างใจเย็น
“ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นใคร…วันหนึ่งข้างหน้าทุกอย่างจะเฉลย” นางพูดพลางกุมมือจันทร์หอมเอาไว้เหมือนจะปลอบในเชิง
“เธอคือคนสำคัญของเรา…” เสียงจากอีกคนวัยใกล้เคียงกันแทรกขึ้น พร้อมกับดึงจดหมายฉบับนั้นกลับคืนแล้วจุดไฟเผาทำลายทันที…
“เอ้!…ทำไม”
“มันเป็นความลับ จงฝังมันเอาไว้ใต้ดินเฉกเช่นอุดมการณ์…เพื่อประเทศชาติ จันทร์หอม” เป็นประโยคสุดท้ายของผู้หญิง 2 คนที่ผุดขึ้นมาสั่นหลอนนางในเวลานี้
(คุณฆ่าพี่โมก…ฉันเกลียดคุณยิ่งกว่าหนอน…โคทาโร่) จันทร์หอมคิดอาฆาต ในขณะมือก็ควานหามีดปลายแหลมที่นางแอบซ่อนไว้ใต้ที่นอน “ฉันเกลียดคุณ…โคทาโร่…เกลียดคุณยิ่งกว่าหนอน” นางพึมพำพร้อมกับกำมีดสั้นด้วยสองมือแน่นจนสั่นเกร็งในความมืด นางพยายามเพ่งสายตาไปที่ร่างเปลือยเปล่าของโคทาโร่ “เวลา 04.00 น.” นางอุทานเมื่อเข็มนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังบอกจากพรายน้ำสีเขียว และนางก็ตัดสินใจพาร่างที่เปลือยเปล่าขึ้นไปนั่งค้อมทับอยู่ด้านบนอย่างตั้งใจจะกระทำบางอย่าง…เวลานี้นางแยกไม่ออกแล้วว่าส่วนไหนคือเรื่องส่วนตัว ส่วนไหนคือเรื่องของประเทศชาติ และส่วนไหนคือความรักหลังวันแต่งงาน
“ฉันเกลียดคุณ ฉันเกลียดคุณยิ่งกว่าหนอนโคทาโร่” นางกดเสียงรอดไรฟันพร้อมๆ กับชูมีดขึ้นจนสุดแขน นางหมายตำแหน่งไว้ที่หน้าอกด้านซ้ายให้ตรงกับหัวใจ แรงแค้นบีบบังคับนางได้ผล แต่ว่าอยู่ๆ มือที่กำมีดก็เริ่มไม่มั่นคง เมื่อบางอย่างของโคทาโร่เริ่มขยับขยาย
“ฉันเกลียดคุณ โคทาโร่…ฉัน…ฉัน…เกลี…” และน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแค้นเมื่อครู่ก็เริ่มสั่นคลอน นางหายใจเข้าออกแรงขึ้น แรงขึ้นบัดนี้ความรักครั้งใหม่กำลังถูกฝังเข้าไปในเรือนร่างของนางเข้าแล้ว
“จันทร์หอม…” เสียงโคทาโร่เรียกทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา “ข้าจะจูบเจ้าให้ครบหนึ่งพันครั้งก่อนฟ้าสาง…จันทร์หอม จันทร์หอม…” โคทาโร่ลุกขึ้นโอบรัดร่างที่เปลือยเปล่าที่ค้อมทับอยู่เอาไว้แน่น…
“ฉันเกลียด…ฉันเกล…”
“ข้าจะจูบเจ้าให้ครบพันครั้ง…สุดที่รัก”
………
“อย่าถามหาเหตุผล……………………………………เมื่อมีรัก
เพราะมันจะมืด 8 ด้าน…….พร้อมๆ กับดวงตาอีก 2 คู่”
มินาโมโต โคทาโร่
……….
## จบ สมรภูมิปักษา13 ##