ฉันกับนางฟ้าตัวกลม ตอนที่37
“อีเมล 4 ฉบับสุดท้าย”
เช้าวันต่อมา “ฝนลงเม็ดตั้งแต่เมื่อไรกันนะ”…ผมงัวเงียมองนาฬิกา “เกือบจะแปดโมงละ” อากาศที่เย็นและหนาวอยู่แล้วก็ยิ่งทำให้ผมอยากขดตัวใต้ผ้านวมให้นานขึ้นอีกหน่อย พี่พรคงมารับแม่กับป้าจั๊กกี้ไปฟาร์มพ่อไอ้เบ๊บตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางแน่ๆ เพราะทุกอย่างภายในบ้านดูจะเงียบผิดธรรมดา (นี้เราหลับลึกขนาดนี้เลยรึ!) ผมออกจะแปลกใจอยู่สักหน่อย เพราะปกติ หากมีเสียงเพียงแค่หนูวิ่ง ผมก็จะสะดุ้งตื่นแล้ว (ที่นี่คือบ้านเล็กกลางป่าสนและยังเป็นวันสุดท้ายแล้วด้วย…เสียเวลาหลับอยู่ได้ บ้าชิบ!) ผมกระโจนจากเตียง เปิดประตูเดินดุ่ยๆ ออกไปยังโถงรับแขก อาหาร และครัวเล็กๆ รวมกัน ทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผ้าห่มอยู่ในสภาพไหน
แสงสลัวเข้าเฉดสีเทา เล็ดลอดผ่านมุมผ้าม่านสีเขียวดินที่เผยอ ทำให้ผมได้เห็นเม็ดฝนบางๆข้างนอก ขณะที่เสียงซ่าๆ แรงๆ เมื่อตอนตื่นใหม่ๆ เบาลง
“แค่ปอยๆ แล้วละ” ผมพึมพำพลางคว้าแจ๊กเกตสีดำมาสวมแล้วเดินไปตรงไปยังเคาน์เตอร์ครัวเพื่อหยิบกล้วยหอมลูกใหญ่กับครัวซองที่ซื้อจาก IGA ซุปเปอร์มาเกตตั้งแต่เมื่อวาน “แม่ชงกาแฟไว้ให้ด้วย” ผมจ้องไปยังที่เครื่องชงกาแฟที่ยังมีกาแฟร้อนเกือบครึ่งโหลแก้ว ผมรินใส่ถ้วยก่อนจะหอบทุกอย่างเปิดประตูออกไปจบที่ม้านั่งเล็กๆหน้าบ้าน ผมกระชับเสื้อแจ๊กเกตให้แน่นขึ้นเมื่อเจอมวลอากาศหนาวที่มาพร้อมกับฝนในเวลานี้ (ใช้ได้เลยวะ!) ผมคิด ท้องฟ้าเหนือยอดสนเกือบจะเห็นเป็นสีดำ เม็ดฝนถึงจะปอยๆ แต่ก็ยังไม่ทิ้งช่วงซะทีเดียว ทำให้อุณหภูมิที่บ้านเล็กกลางป่าสนดำดิ่งลงไปอีกหลายองศา กระนั้นยังอยู่ในวิสัยที่พอจะทนได้ ผมจัดการกับอาหารเช้าตรงนั้นและมันเป็นอาหารเช้าที่วิเศษสุดในรอบหลายปี
หากที่นี้คือประเทศไทยผมคงหลับยาว แต่ในเมื่อที่นี้คือ “สวนเฟิร์นสันเขา” (Fern Ridge Park) แลงเลย์ แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดาซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนประเทศสหรัฐฯแค่ 7.5 กิโลเมตรที่ผมยอมจ่ายค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าอยู่ เพื่อจะมาดื่มด่ำบรรยากาศเช่นนี้ จึงไม่คุ้มนักหากจะกลับไปหลับต่อแบบคนตาย เม็ดฝนยังต่อเนื่อง ท้องฟ้าเวลา 8 นาฬิกานิดหน่อยเข้าใกล้เฉดสีดำสนิทมากขึ้นเรื่อยๆ “ท่าจะหนักเอาการ” ผมพึมพำขณะมองขึ้นไปที่ปลายยอดสน มันโอนเอนตามกระแสลมบนโยกไปทางนั้นทีทางนี้ที นาน นาน จนไม่ต้องหลับตาก็เห็นภาพปลายสนกับบ้านชั้นเดียวบนกำแพงหินที่ชิมะ จังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น ชัดเจนราวกับวันเวลาในอดีตหวนคืนมาบรรจบเป็นที่นี้ เวลานี้
: วันนั้นผมใส่เสื้อกิโมโนสีน้ำตาลดำทับเสื้อยืดตราห่านคู่สีขาว สวมกางเกงผ้ายืด 3 ส่วนสีเทา ขณะที่ไอ้คุณอายุพึ่งจะ 20 ต้นๆ ก็ใส่ชุดคล้ายกันนอนเอาหัวมาหนุนตักให้ผมใช้คัตตอนบัตชุบแอลกอฮอลล์ล้างหูให้ มันจะหลับแบบเดียวกับเด็กทารกทุกครั้งในท่านี้
(คิดถึงมันทำไมน่า!…ปรารถนาให้มันมาหลับแบบเดียวกันในเวลานี้กระนั้นรึ!) ผมเผลอคิดบ้าๆ “ไอ้คุณน้อ….มึง” และพึมพำขณะคิดวนไปเรื่อยแบบคนโลเล สักพักจึงเดินกลับเข้าไปในห้องรับแขกดึงโทรศัพท์ที่ชาร์ตแบตเตอร์รี่เต็มแล้วกลับออกมานั่งที่เดิม ผมกำลังจะเปิดเช็คอีเมลของคนที่ใช้นามแฝงว่าเดียร์เนี่ยวอีกทั้งๆ ที่ได้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าจะไม่ติดต่อกับโลกภายนอก แต่เมื่อความโดดเดี่ยวถาโถมความโลเลของคนลังเลก็เกิดขึ้น
แผนการเดินทาง
……….e-mail……….
จาก : เดียร์เนียว
เรื่อง : แผนการเดินทางใหม่
วันที่ : 20 กรกฎาคม 2017 เวลา : 22.45 น.
ถึง : ทิมมี่
ผมส่งแผนการเดินทาง-โรงแรมที่จะพักและไฟท์บินกลับประเทศไทยใหม่มาให้นะครับ ปริ้นส์เก็บใส่กระเป๋าซะเผื่อ ตม.ฮ่องกงจะถามหา
จากดร…………….รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวง………….
……….e-mail……….
ผมรู้สึกวูบวาบทั้งๆที่มวลอากาศเย็นยังดำดิ่งสู่จุดที่เรียกว่าหนาว….(เกมนี้จะจบลงแบบไหนนะ!) ผมคิดพลางไล่เปิดอ่านอีเมลถัดไปอีก
……….e-mail……….
จาก : เดียร์เนียว
เรื่อง : บริษัท BCOL.
วันที่ : 21 กรกฎาคม 2017 เวลา : 01.10 น.
ถึง : ทิมมี่
ผมนัดคุณวิเชียรชาญที่เกาลูนเพื่อจะคุยต่อสัญญาบริษัท BCOL.ให้ละ หวังว่าพี่จะพอใจ
จาก ดร………………….รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวง…………
……….e-mail……….
ช่องท้องบีบรัดตัวอย่างรุ่นแรงเมื่ออ่านข้อความนี้จบลง มันบ่งบอกถึงการเป็นทาสหรือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์อย่างชัดแจ้ง (กูจะต้องอยู่ใต้อำนาจของมันตลอดเวลากระนั้นหรือ) ผมผิวลมออกทางปากดังๆ ก่อนจะแตะนิ้วชี้ไปยังข้อความถัดลงไปอีก
……….e-mail……….
จาก : เดียร์เนียว
เรื่อง : ……………………
วันที่ : 21 กรกฎาคม 2017 เวลา : 05.31น.
ถึง : ทิมมี่
ผมแยกห้องนอนกับภรรยาหลายเดือนละ….ผมนอนไม่ค่อยหลับ ถ้าได้นอนหนุนตักแล้วให้พี่เอาสำลีล้างหูให้คงจะหลับได้ลึกกว่านี้ คิดถึงหวังว่าจะได้เจอพี่ที่ฮ่องกงนะครับ
จาก ดร…………………รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวง……..….
……….e-mail……….
ใจผมสั่นเมื่อความคิดของเราตรงกันจะด้วยความบังเอิญหรือไม่ก็ตามล้วนแต่บัดซบ!ทั้งสิ้น (แต่มันก็ได้เกิดขึ้นไปแล้วนิ) “บ้าเอ้ย!” ผมสบถคำหยาบ “แม่ง!” สิ่งที่ถูกกังขังอยู่ภายในกำลังจะระเบิด ผมเงยหน้าอ้าปากเพื่อช่วยหายใจและบรรเทา เม็ดฝนยังไม่ทิ้งช่วงซะทีเดียว ปลายสนสูงทิ่มขึ้นไปบนท้องฟ้าสีนิลก็ยังโอนเอนราวกับชิมะอยู่ตรงนั้น “หรือมิเอะกับแลงค์เลย์เป็นที่ๆ เดียวกันวะ”
……….e-mail……….
จาก : เดียร์เนียว
เรื่อง : เรื่องสำคัญ
วันที่ : 21 กรกฎาคม 2017 เวลา : 05.55 น.
ถึง : ทิมมี่
ได้คุยกับคุณวิเชียรชาญเบื้องต้นเกี่ยวกับการไม่ได้ต่อสัญญาระหว่าง 1 ปีที่ผ่านมาละ เขาแจ้งว่าภายในบริษัท BCOL. มีการเปลี่ยนแปลง กำลังถกกันอยู่ว่าจะให้บริษัทลูก บริษัทไหนรับผิดชอบดี ผมคิดว่าวันที่ 24 นี้น่าจะได้คำตอบ แล้วเจอกันนะ….คิดถึงพี่มากๆ
จาก ดร…………….รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวง…………
……….e-mail……….
ข้อความสุดท้ายยิ่งตอกย้ำความเป็นทาสหรือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์มากขึ้นและยังตอกความอ่อนด้อยด้านปัญญาให้จมลึกสู่ชั้นหินมากขึ้น ผมสูดอากาศเข้าไปอัดไว้ในปอด นาน นาน จนทนไม่ไหวจึงปล่อยมันทิ้งๆ ขว้างๆ หลายรอบ กระทั้งทุกอย่างเกือบเข้าสู่จุดปกติ รถฮอนด้าแอคคอร์ดสีดำของพี่พรก็เลี่ยวเข้าไปจอดหลังบ้าน ป้าจั๊กกี้เปิดประตูแล้ววิ่งหายเข้าไปในบ้านตัวเอง ส่วนแม่ก็วิ่งตรงมายังจุดที่ผมกำลังนั่งอยู่
“อ้าวทำไมกลับเร็วละ” ผมเอ่ยขึ้นก่อน
“ฝนตกพ่อไอ้เบ๊บไม่ให้เก็บ” แม่ตอบและผลักประตูหายเข้าไปข้างในอีกคน ผมมองเห็นรถพี่พรยังจอดอยู่ที่เดิมในขณะที่ป้าจั๊กกี้ที่หายเข้าไปในบ้านเมื่อครู่ก็วิ่งออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ แม่ถอดเสื้อคลุมและหมวกแล้วเปิดประตูออกมานั่งข้าง “เขาจะไปกาสิโนกัน” แม่บอก ป้าจั๊กกี้หันมาโบกมือให้ก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถที่รออยู่
“โชคดีนะป้า” ผมตะโกนแข่งกับเม็ดฝนบางๆ
“จ้า ขอบใจจ๊ะไม่ไปด้วยกันรึทิมมี่”
“ขอบาย…เข้ากาสิโนกับโมน่าเมื่อวันก่อนได้มาแค่ 20 เหรียญไม่คุ้ม คนไม่มีดวงนะ….โชคดีนะพี่พร”
“จ้า…..ขอบใจจ้า” พี่พรลดกระจกข้างตอบเร็วๆก่อนจะเลื่อนปิดแล้วขับออกไป
“กำลังทำไรอยู่ แม่ถามขณะสายตากลับจ้องไปยังโทรศัพท์มือถือที่ยังเปิดค้างในมือ อยู่ๆแกก็หยิบมันขึ้นมาอ่าน…. “ทิมมี่หยุดได้แล้วนะ…ลืมไปแล้วรึไงว่าพ่อไอ้คุณมันร้ายกาจแค่ไหน…แม่รับไม่ได้หรอกถ้าจะเห็นทิมมี่ในสภาพที่หนีไปอยู่ซิดนี่ย์เหมือนคราวก่อนนะ”
“10 กว่าปีมาแล้วนะแม่”
“ถึงจะเป็นร้อยปี ฉันก็ลืมไม่ลง” แม่ขึ้นเสียงแข็ง….ก่อนจะหนุนตัวเข้าไปในบ้านปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวตามเคย ผมพ่นลมหายใจทิ้งอีก แล้วก็ทิ้งอีก แล้วก็ทิ้งอีกรอบ
“ทำไงดีวะ…กู”
“อย่าไปเจอมันอีก กลับประเทศไทยด้วยไฟท์เดิมซะ” อยู่ๆ แม่ก็โผล่หน้าออกมาสั่งแบบเดียวกับคนฝักใฝ่เผด็จการสุดขั้ว
ผมเบนหน้าหนีแล้วพูดขึ้นเบาๆ แบบคนหน่ายสุดๆ “ผมเลื่อนไฟท์กลับใหม่ละ….”
“ทิมมี่…..” แม่ตะโกนใส่สุดเสียง
แต่ผมก็ยังไม่กล้าสู้หน้า “เลื่อนให้เร็วขึ้นนะแม่ ใช้เวลาต่อเครื่องที่ฮ่องกงแค่ชั่วโมงครึ่ง” ผมบอกก่อนจะหันกลับไปเผชิญตรงๆ
“ดีแล้วละ…แม่รู้ว่า ทิมมี่อยู่เมืองไทยจะปลอดภัยกว่าอยู่ต่างประเทศ….คนระดับเขาไม่กล้าตกเป็นข่าวหรอก เชื่อแม่เถอะ”
“ถ้าเขาอุ้มหาย ก็ไม่เป็นข่าวเช่นกันนะแม่”
“เธอหยุดกวนประสาทฉันซะที ไม่อย่างนั้นฉันจะหาคนแต่งงานแล้วอยู่ด้วยกันที่นี้ซะเลย”
“ฮาๆๆๆๆ” ผมหลุดหัวเราะ…แดดแรกสีเบจกำลังแทรกผ่านป่าทางทิศตะวันออกมาทีละส่วน ลมบนเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ ฟ้าเปิดไล่ก้อนเมฆสีดำหายลับยอดกำแพงสนทางทิศตะวันตกทีละนิด ทีละนิด…. “ฮู้!…เขาทำอะไรผมไม่ได้หรอกแม่ สบายใจได้แล้วน่า”
“ฉันพูดจริงนะ เธออย่ามาล้อเล่นกับฉันทิมมี่” แม่ย้ำเสียงแน่นๆ แต่สีหน้าก็ผ่อนคลายไปในทางบวกอย่างเห็นได้ชัด
……แดดแรกสีเบจ จาง จาง……
……เม็ดฝนยังเกาะค้าง กิ่งสน……
……แสงกระทบ สาดสะท้อน……
……ดุจเหลี่ยมหนึ่งของเพชร……
……สีรุ้งราง ราง กลืนกินทั่วแนวป่า……
……เพชรแท้เหลี่ยมคมใสบริสุทธิ์…...
……เพชรสีรุ้ง เจิดจรัส……
……ค่าเพียงหนึ่งหยดน้ำ บนใบสน……
Timmy Buto