บ้านเล็กกลางป่าสน นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง เรื่อง ฉันกับนางฟ้าตัวกลม ตอนที่33
ฉันกับนางฟ้าตัวกลม ตอนที่33
“บ้านเล็กกลางป่าสน 1”
คิดๆ ไปแล้วประสบการณ์การขับรถยนต์ในต่างประเทศสำหรับผมนอกจากประเทศลาวและกัมพูชาแล้วผมก็ไม่เคยขับรถที่ประเทศไหนอีกเลย การเปลี่ยนจากพวงมาลัยขวาขับเลนซ้ายอย่างประเทศไทยมาขับรถพวงมาลัยซ้ายแล้ววิ่งเลนขวาเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจอยู่พอสมควร รถสีขาวคันใหญ่ค่อยๆแล่นออกมาจากหลังบ้านสีขาวทรงบาวาเรียน ผมปล่อยเบรกเหยียบคันเร่งไปตามถนนซอยอ้อมหลังต้นสนสูง3 4 ต้นอย่างช้าๆ ไม่ถึง 50 เมตรก็เปิดไฟกระพริบเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน 160St. อย่างกับคนชำนาญทาง แดดเช้าๆ ขนานไปกับพื้นคอนกรีตสีปูน ผมตั้งใจสุดๆ จนลืมทิศที่มาแสงสีเบจบางๆ ในเช้านั้น
……นกป่าปีกสีน้ำตาลเปลือกไม้ เจ้าเอย……
……รวงรังของเจ้าคือป่า……
…… คอนหลับของเจ้าก็คือหลายคอนในป่า……
……สีขนปลายปีกก็สีป่า……
……สีขนลำตัวจรดหางก็สีป่า……
……เจ้าจะหลับสู่ห่วงสวรรค์……
……ก็เฉพาะกิ่งคอนใต้ใบของป่า……
……จะป่าสนสนใบหนาแห่งแคนาดา……
……หรือป่าเต็งรังที่อยู่อีกฟากของแปซิฟิก……
……ก็คือรัง คือบ้าน คือป่าที่เฝ้ารอ……
“เลี้ยวซ้ายเข้า Fraser Hwy.เลยบักหล่า นั้นละ เก่งนี้” น้ำเสียงของนางฟ้าตัวกลมเหมือนจะสบายอุรามากกว่าทุกวัน ผมขับรถด้วยความเร็วต่ำไปตามถนน Fraser HWY. เรื่อยๆ เอื่อยๆ สายตาที่พุ่งตรงไปข้างหน้า สัมผัสกับทุ่งบลูเบอร์รี่กว้างๆสลับป่าสนใบหนาสีเขียวทึมๆเฉดดำ ป่าแล้วป่าเล่า ขณะที่กิ่งใบต้นเมเปิ้ลสีม่วงเข้มที่เกาะกลางและริมถนนบางช่วงพลิ้วไหวทำให้แสงหักเหทางนั้นทีทางนี้ที ผมจึงได้สติอ่านทิศทาง ออก ตก เหนือ ใต้ ได้ชัดเจนมากขึ้น ผมกำลังตั้งใจขับรถแบบสุดๆ ในขณะที่เสียงของนางฟ้าตัวกลมเงียบ เงียบและเงียบ นาน นาน และนานจนผมกลัวว่านางจะหลับจนเป็นเหตุให้ผมขับรถเพลินจนเลยสี่แยกถนน Pacific Hwy. อย่างที่แพลนเอาไว้ในหัวตั้งแต่แรก
“เจ่…ใกล้ถึงแยกถนน Pacific HWY. รึยัง….หรือว่าเลยมาแล้ว” คนโลเลก็ยังลังเลอีกตามเคย
“ฮึ….ว่าอะไรนะเธอ ฉานหลับนะ” เสียงนางฟ้าตัวกลมสะลึมสะลือ มันทำให้ผมแปลกใจจนเกือบเผลอเหยียบเบรกขึ้นมา
“ยังหลับลงอีกรึไง…..” ผมขึ้นเสียงสูง “เลยแยก Pacific รึเปล่าเนี้ย…..” แต่พลันสายตาผมปะเข้ากับสี่แยกไฟแดงที่มีปั้มน้ำมันตราใบเมเปิ้ลสีแดงข้างหน้า…ผมก็เพลาใจจนไม่อยากจะรบกวนนางอีก
“เลี้ยวขวาไฟแดงนั้นละ….โอ้ย!เนอะพาขับมาตั้ง 2 3 รอบแล้วยังจำไม่ได้อีก”
“หลับต่อเถอะ….ผมปลุกเล่นๆนะ แฮๆ” ผมชะลอรถแบบเดียวกับคนแคนาดา เมื่อไฟแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียวจึงค่อยๆ เลี้ยวขวาตามรถเก๋งสีน้ำตาลกึ่งเก่ากึ่งใหม่ไปติดๆ…
“จำได้แล้วใช่ไหม อีก 20 นาทีก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนน 32 Ave. จากนั้นสังเกตป้ายแยกถนน 200 St.ก็เลี้ยวขวา พอไปถึงสี่แยกปั้มน้ำมันเล็กและ IGA ซุปเปอร์มาเก็ตก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนน 24 ต่อจากนั้นไม่ต้องถามฉานแล้วนะ ฉานจะนอน”
“OK OK ว่าแต่บ้านไอ้เบ๊บอยู่ใกล้ๆ บ้านเล็กกลางป่าสนจริงรึ”
“เออ!…” นางฟ้าตัวกลมแหกปากกระแทกเสียงดังใส่หน้า…… “อย่าให้ฉานรู้นะว่าแอบไปไหนมาไหนกับไอ้เบ๊บนะ….ปล่อยไม่ได้นะเธอเนี้ย”
“ฮะๆ เจ้าชู้คือเสน่ห์ของคนหน้าตาดี…” ผมพูดขำๆ จนเผลอขับรถข้ามเลนเมื่อเลี้ยวเข้าถนน 32Ave. โชคดีที่นางฟ้าตัวกลมพึ่งจะหลับตา โชคดีที่บนนถนน 32Ave.ไม่มีรถวิ่งสวนมา และโชคดีที่ยังคุมสติได้…. “เกือบแล้วกู”
และเสียงหัวเราะรัวลั่นของนางฟ้าก็กลบเสียงอุทานนั้นไว้ทังหมด “ฮาๆ…อีบ้า ฮาๆๆ เออ! มันก็จริงนะ คนหน้าตาดีไม่เจ้าชู้ ฉันก็ไม่ชอบนะเธอ ฮาๆๆๆๆๆๆ”
เมื่อผมเลี้ยวขวาเข้าถนน 200St. ป่าสนและต้นเมเปิ้ลที่ขึ้น 2 ข้างทางก็โบกสะบัดกิ่งใบราวจะต้อนรับ นกป่าปีกสีน้ำตาลเปลือกไม้กำลังหลงใหลป่าแปลก กระทั้งมีป้ายบอกแยกถนน 24 Ave. ขวามือเป็นบ้านที่ซ่อนตัวใต้ป่าสน ซ้ายมีป้ายบอกเป็นปั้มน้ำมัน ถัดไปตรงสี่แยกไฟแดงก็เป็นป้ายโฆษณาสี่เหลี่ยมเกือบจัตุรัสสีขาวแบบง่ายๆมีวงกลมสีแดงซ้อนอยู่ข้างในและในวงกลมสีแดงก็เป็นตัวหนังสือสีขาวบอก IGA ซุบเปอร์มาเก็ต ผมจึงค่อยชะลอรถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนน 24 Ave. ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นร้านพิชซ่าชื่อ Glenwood Pizza&Pasta Shop ของคนอินเดีย ผมมาถึงบ้านเล็กกลางป่าสนแล้ว ผมบอกตัวเองในใจ
“เจ่ๆ ตื่นๆ ถึงแล้ว…” ผมปลุกนางฟ้าตัวกลมแบบไม่เร่ง
เมื่อนางสะลึมสะลือเช็ดขี้ตาจนชินกับแสง “ฉานไม่ได้หลับหรอกเธอ ฉานกะจะทดสอบเธอนะ ว่าเธอจะพาฉานข้ามไปประเทศอเมริการึเปล่า”
“ถ้าหลงทางข้ามเข้าประเทศอเมริกาจริงๆ ผมไม่โดนจับส่งกลับประเทศไทยเลยรึไง” ผมกระแทกเสียงค่อนข้างหงุดหงิดใส่
“ไม่หรอก เขาจะขังไว้ที่นี้แล้วเธอก็จะได้อยู่กับฉานที่นี้เลย ไม่ดีรึไงละ”
ผมส่ายหน้าเอือมระอาขณะบังคับรถตามถนนลาดยางเล็กๆ ที่ลัดเลาะแทรกผ่านต้นสนสูงลิ่วจนกะประมาณไม่ถูกไปทีละต้น….บ้านแต่ละหลังที่นี้เป็นบ้านรถกระจัดกระจายอยู่ห่างกันประมาณ 20-30 เมตร ผมขออนุญาตอธิบายรายละเอียดของบ้านรถเพิ่มจากตอนแรกๆอีกสักหน่อยนะครับ
บ้านเล็กกลางป่าสน
บ้านรถก็คือบ้านติดล้อของผู้ที่มีรายได้น้อยนะครับ ก็จะมีหลายราคา หลายขนาด ตั้งแต่ หมื่นเหรียญ สองหมื่น สามหมื่นหรือแสนเหรียญแล้วแต่ใครจะถูกใจราคาไหน มีให้เลือกครบตั้งแต่ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ หรือ 2 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ แยกครัว ครัวรวม นั่งเล่น รับแขก ระเบียงบาบีคิวและห้องเก็บของ/ตากผ้า ถ้าเราพอใจบ้านหลังไหนทางบริษัทก็จะประสานงานรัฐบาลกับเจ้าของมาลากรถบ้านไปไว้ ณ จุดที่กำหนด ก็อย่างที่ผมอธิบายเกี่ยวกับการถือครองที่ดินของที่นี้ไปแล้วนั้นแหละครับว่า ที่บริติชโคลัมเบียบางโซนหรืออาจจะส่วนใหญ่จะไม่มีใครได้เอกสิทธิ์ในที่ดิน ทุกคนจะต้องจ่ายเป็นค่าเช่าเหมือนกับค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ใครมีบ้านหลังใหญ่ กินพื้นที่ดินเยอะก็ต้องจ่ายเยอะ ใครมีบ้านหลังเล็กกินพื้นที่ดินน้อยก็จ่ายน้อยตามลำดับ ฉะนั้นทรัพย์สินที่จะอ้างการซื้อก็จะหมายถึงเฉพาะตัวบ้านที่เป็นวัสดุเหนือพื้นดินเท่านั้น นี้คือเรื่องปกติ เป็นกฎหมายของมลรัฐๆนี้ (ควรศึกษาข้อมูลและกฎหมายเหล่านี้เพิ่มเติมนะครับ ผู้เขียนได้เขียนตามคำบอกเล่า ซึ่งอาจจะผิดหรือถูกก็ได้)
ส่วนบ้านที่แม่จองไว้ให้เป็นบ้านรถสีขาวชั้นเดียว ขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ด้านหน้าเป็นเฉียงไม้หลังคาคลุม ถัดเข้าไปก็จะเป็นโถงรับแขก นั่งเล่น ห้องอาหารและห้องครัวอยู่ในโซนเดียวกัน อีกฝั่งจะแบ่งออกเป็น 2 ซีกโดยมีโถงทางเดินกว้างประมาณ 1.00 เมตรเป็นทางเชื่อม หากยืนกลางห้องโถงแล้วหันหลังให้ห้องรับแขก นั่งเล่น อาหาร และครัว ซ้ายมือจะเป็นห้องเก็บของและตากผ้าโดยหลังคาส่วนนี้จะเป็นหลังคาแผ่นเรียบโปร่งแสง ขวามือจะเป็นห้องนอน และห้องน้ำ เมื่อเดินตรงเข้าไปอีก ด้านในสุดก็จะเป็นห้องนอนใหญ่มีระเบียงสำหรับย่างบาบีคิว 3-4 คน ผมชอบบ้านหลังนี้ตั้งแต่แรกที่แม่ส่งรูปไปให้แล้วครับ และผมก็ตั้งใจจะมานอนที่นี้ตั้งแต่คืนแรกเสียด้วยซ้ำแต่เพราะน้ำใจของนางฟ้าตัวกลมที่แสนประเสริฐ จึงทำให้ผมพยศนางไม่ลง ประเด็นสำคัญที่ผมรักบ้านหลังนี้เห็นจะเป็นความเป็นส่วนตัวนี้แหละครับ เงียบสงบซ่อนอยู่ใต้เงาป่าสนใบเขียวสูงครึ้มตลอดปี แม้แต่หน้าหน้าหิมะก็ตาม เรื่องอากาศคงไม่มีคำๆพูดใดจะพรรณนาได้ดีไปกว่าคำว่า Perfect ทั้งเย็นสบายและบริสุทธิ์ในบริบทเดียวกัน
ผมยกกระเป๋าเดินทางเข้าไปไว้ในห้อง แม่กับป้าจั๊กกี้ที่อยู่บ้านข้างๆ คงไปเก็บบลูเบอร์รี่ที่ฟาร์มพ่อไอเบ๊บตั้งแต่ตี 5 (เออว่าแต่บ้านไอ้เบ๊บมันหลังไหนนะ) ผมเริ่มอยากรู้แล้วเนี้ย! นางฟ้าตัวกลมเงียบผิดไปจากธรรมชาติของนาง นางกำลังขนอาหารที่เตรียมมาจัดให้เข้าที่ นางจัดไปแบบเงียบๆ โดยไม่ยอมหันหน้ามาให้เห็น ผมก็จัดการกับกระเป๋าและเครื่องใช้ในห้องนอนเงียบๆ โดยคาดว่ากลางคืนแม่ต้อยต้องมานอนเป็นเพื่อนในอีกห้องที่ยังว่างแน่ๆ หลังจากผมเสร็จธุระกับเครื่องใช้ส่วนตัวผมก็เดินออกไปสูดอากาศที่เฉลียงเล็กๆ ทางเข้า นานพอสมควรกว่านางฟ้าตัวกลมจะเดินออกมาสมทบ
“บ้านไอ้เบ๊บหลังไหนอะเจ่…เผื่อว่างจะไปทักทายหน่อย” ผมถาม
นางฟ้าตัวกลมตาแดงแบบเดียวกับคนพึ่งร้องไห้มาหมาดๆ แต่นางก็หัวเราะขึ้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลไม่หยุด (นางเป็นอะไรนะผมสงสัย) นางไม่บอกเอาแต่หัวเราะแล้วเช็ดน้ำตาอีกรอบ “บ้านรั้วไม้สีน้ำตาลเตี้ยๆ เยื้องๆ กับทางเข้ามานั้นแหละ…ฉันคงจะคิดถึงเธออะทิมมี่” พูดจบนางก็สวมกอดทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ตั้งตัว ผมนิ่งในขณะที่ร่างของเธอสะอื้นฮักๆ
“ขอผมอยู่ที่นี้เพื่อชำระความวุ่นวายซะหน่อย เพราะชีวิตตลอด 30 ปีที่เราไม่เคยเจอกันมันหนักหนาสาหัสเหลือเกิน จนเมื่อเผลอหลับตานึกถึง อดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่า ผมผ่านมันมาได้อย่างไร? มีอยู่ครั้งหนึ่ง” ผมหยุดกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ขณะที่ร่างของนางฟ้าตัวกลมยังสั่นไม่หยุด ผมเลยถือโอกาสโอบเธอพลางตบปลอบเบาๆ “ผมเดินอยู่บนถนนรามคำแหงแบบเดียวกับคนร่องลอย ผมหิวแต่ก็ไม่มีเงินแม้จะซื้อบะหมี่แห้งสักซอง ผมเบลอคิดหลายๆเรื่อง ผมเบลอนั่งลงกับทางเท้า ผมเบลอจนเผลอก้าวขาขึ้นรถเมล์แบบเดียวกับคนครึ่งหลับครึ่งตื่น จนโดนไล่ลงเพราะไม่เหลือเงินติดกระเป๋า แม้จะเพียง 2บาทกับ 50 สตางค์ก็ตาม ผมเบลอเดินเข้าไปในสวนสาธารณะของสนามกีฬาเพียงเพื่อจะหาน้ำดื่มสักอึก แต่ผมก็โชคดีอยู่บ้างที่เวลานั้นผมมีไอ้คุณ เมื่อผมเบลอ ผมมักจะโทรเข้าเบอร์ที่คุ้นชิน ก็จะเป็นมันทุกครั้ง” ลมใต้ป่าสนโชยเอื่อยๆ ผมกระชับนางฟ้าตัวกลมให้แน่นขึ้น “นางฟ้าตัวกลมครับวันนี้ผมแกร่งกว่าวันเก่าๆเยอะ ผมมีเงินซื้อพิชซ่า ซื้อกาแฟ เบค่อน ครัวซองแล้วนะ”ผมหยุดอีก “และผมก็มีกำลังใจขึ้นเยอะเมื่อนางฟ้าของผมกลับมา ผมไม่เป็นไร ผมเพียงต้องการเวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อทบทวนหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว และเรื่องของไอ้คุณ”
“ทิมมี่….”นางฟ้าตัวกลมกอดแน่นเข้าไปอีกพร้อมกับปล่อยโฮออกมาดังๆ
“ผมสัญญาว่าจะไม่ตาย เพราะผมยังตายไม่ได้ในขณะที่แม่และน้องๆ ยังระส่ำ…ผมไม่มีสิทธิ์นั้น”
“บักหล่าคำแพง…..”
“ 2 วัน 2 คืนเอง…เดี๋ยวไอ้เบ๊บกลับจากไร่ผมก็มีเพื่อนแล้ว ไม่ต้องห่วง”
“ฉันจัดกับข้าวใส่ตู้เย็นให้เธอ 2 คืน 2 วันแล้วนะ หิวก็กิน”
ผมพูดอะไรไม่ออกนอกจากจะเกร็งกอดนางให้แน่นขึ้น…แทนคำขอบคุณ “ไปเถอะต้องไปส่งหลานๆอีก”
“งั้นเย็นๆ ฉันจะแวะมากินข้าวด้วย”
“ถ้าไอ้เบ๊บไม่ชวนไปดินเนอร์ซะก่อน….” ผมเช็ดน้ำตาพูดหยอกล้อเพื่อให้นางอารมณ์ดีขึ้น
“ทิมมี่นะ…..” ซึ่งมันก็ได้ผล….ผมเดินไปส่งนางที่รถ ใต้เงาป่าสนใบหนา ถนนลาดยางเล็กๆเลี้ยวไปเลี้ยวมาราวกับลำตัวของงูยักษ์กำลังเลื้อยพันแทรกผ่านสนสูงที่ละต้น รถยนต์สีขาวก็กำลังแล่นจากไปอย่างช้าๆบนลำตัวของงูตัวนั้น แสงแดดใกล้ 10 โมงยังส่องลงไม่ถึงพื้น อากาศช่วงซัมเมอร์ที่นางฟ้าตัวกลมบอกว่าร้อน แต่สำหรับนกป่าแปลกถิ่นกลับหนาวเหน็บยิ่งกว่าถนน 88 หลายเท่า…..กระนั้นผมก็ตั้งใจจะใช้ที่นี้เป็นศูนย์บำบัด “บ้านเล็กกลางป่าสน” ยังไม่จบ แต่ผม Timmy Buto ปรารถนาอยากใช้ชีวิตแบบเดียวกับคนพเนจรแล้วละครับ….ขอบคุณมากๆ ที่ติดตาม พบกันในโพสต์ต่อไป ใกล้จะจบเต็มที บาย บาย