วิวสุดท้ายของวิกตอเรีย ฉันกับนางฟ้าตัวกลม ตอนที่29 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง
ฉันกับนางฟ้าตัวกลม ตอนที่29
“วิวสุดท้ายของวิกตอเรีย”
ผม มาร์ค ไรอั้น เฮียจัส ร่วมดื่มเบียร์จนเหลืออึกสุดท้ายแล้วเชียร์กระป๋องแตะชนกันแทนมิตรภาพ “For Friendship” และยกดื่มจนหมดก่อนผมจะค่อยๆวางกระป๋องที่ว่างเปล่าลงกับโขดหินโสโครก เปลวแดดสุดท้ายเหลืองอำพันยิงเส้นแสงตรงๆลอดผ่านกิ่งก้านใบสนตกกระทบพอดี จนอีกฝั่งของกระป๋องดำมืดเพราะเงาแรกของรัตติกาลทาทับจนมองไม่เห็นโลโก้ ผมจงใจจะให้มันเคลือบแคลง จงใจจะให้อีกคนสงสัยว่าคืออะไร…เป็นที่ไหนบนแผนที่โลก
“ทำไมนะ” ผมเผลอละเมอความในใจหลุดจากปาก แล้วถ่ายภาพๆนี้ส่งเข้าอีเมลของชายที่ใช้นามแฝงว่า เดียร์เนียว “For you” ผมพูดกับตัวเอง (กูกำลังทำอะไรอยู่เนี้ย บ้าฉิบ!) ผมอยากจะมีเวลานั่งที่นี้นาน นาน นาน นิ่ง นิ่ง นิ่ง มอง มอง มอง ภาพทะเลสีน้ำเงินกับแสงสุดท้าย “ถ้าไอ้คุณอยู่ด้วย….”หัวใจผมทั้งหนาวและเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ “กูอ่อนแอขนาดนี้เชียวรึ!” ผมสูดอากาศเข้าสู่ปอดลึกจนลำตัวยืดสูงขึ้นราว 10 เซนติเมตรก่อนจะพ่นทิ้งยาวๆ
“Hey Guy Come Here”ขณะเดียวกันเสียงไรอั้นก็ดังมาจากลานปติมากรรมไม้แกะสลักในวาระครบรอบ 150 ปีของประเทศแคนาดา มันกระตุกให้ลืมเรื่องมัวๆ บ้าๆ กระตุ้นต้องลืมตาเผชิญกับความเป็นจริง…
“OK…OK” ผมตะโกนตอบก่อนจะรีบสาวก้าวตามเพื่อนๆ ไป
และคืนนั้นที่โซฟาหนังสีน้ำตาล นางฟ้าตัวกลมขยับเข้ามานั่งจนติด คอสั้นๆ ของนางฟาดเกยกับบ่าด้านซ้าย ผมกำลังเข้าเช็คอีเมล นางฟ้าตัวกลมก็สนใจใคร่รู้หรือแสร้งยอกล้ออย่างละครึ่ง
“เมลล์จากเดียร์เนียว….ว้ายๆ ว้ายๆ บักหล่าคำแพงเอื้อยขออ่านได้ไหม”นางขยับชิดจนผมเริ่มอึดอัด แต่ก็วางตำแหน่งมือถือให้นางสามารถมองเห็นได้ถนัด ผมไม่เคยมีความลับกับใครเพราะฉะนั้นนางฟ้าตัวกลมจึงไม่ได้รับการยกเว้น
……….e-mail………
จาก : เดียร์เนียว
เรื่อง : อยากกินเบียร์กระป๋องนั้นจัง
วันที่ : 19 กรกฎาคม 2017 เวลา : 21.44 น.
ถึง : ทิมมี่
ถ้าเพียงพี่เอยปากขอให้อยู่ ผมจะไม่ลังเล เบียร์กระป๋องนี้เราจะนั่งดื่มด้วยกัน…วิวสวยมากๆที่ไหนครับ ใช่วิกตอเรียรึเปล่า ผมมีบ้านพักอยู่บนถนน Tudor AVE. วิกตอเรียทางใต้สุด เป็นบ้านชั้นเดียวในป่าสนสูง…ถ้าอนุชายเพียงเอ่ยปากขอให้อยู่ด้วย…ผมจะไม่ลังเล
……..e-mail……..
“ต้าย ตาย ตาย เธอทำไม ทำไมละเธอถึงไม่ขอให้เดียร์เนียวอยู่ด้วย…ว่าแต่คำว่าอนุชายแปลว่าอะไรรึเธอ”นางฟ้าตัวกลมแย่งมือถือไปจ้องอ่านใกล้ๆอีกรอบ “เนี้ย….ถ้าอนุชายเพียงเอ่ยปากขอให้อยู่ด้วย…อนุชายแปลว่าอะไรอะทิมมี่” นางฟ้าตัวกลมก้มหน้าอ่านพลางเซ้าซี้จนลืมไปว่าคนที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นหินแต่ข้างในกลับหนาวเหน็บจนแทบลืมหายใจ
(อนุชายรึ….ก็แค่อนุชาย ใช่ ใช่) ผมขบกรามแน่น ขณะที่ใบหน้าเกร็งตื่นตื้นๆเชิดสูงหวังไม่ให้แอ่งน้ำในซอกหินเอ่อล้นออกนอกเบ้า
“บักหล่าคำแพง มันแปลว่าอะไร”
ผมมองสำรวจไปรอบๆ ทุกคนรวมตัวกันอยู่จนแน่นห้องโถง “ไม่ใช่เวลานี้…..” ผมบอกตัวเองพลางดึงโทรศัพท์กลับคืน “สัญญาว่าผมจะเล่าให้ฟังแต่ไม่ใช่เวลานี้ ขอโทษ….”แล้วลุกบอกลา “Good night everyone see you tomorrow” พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องปล่อยปริศนาที่ดำมืดไว้กับนางฟ้าตัวกลมที่ยังนั่งมองอยู่ที่เดิม
“OK good dream Brother” เสียงนางฟ้าตัวกลมบอกส่ง…ถึงนางจะอยากรู้แต่สายตาที่อ่อนโยนก็บอกกับผมว่านางเข้าใจ…รัตติกาลที่แคมป์เบลล์ริเวอร์ยังหนาวพอๆกับเชอร์รี่ ผมขดกายใต้ผ้านวมหนา ไม่เหลือไอ้คุณในหัว ไม่มีเดียร์เนียวในฝัน…เพราะมันทิ้งผมไว้นานเกินกว่าจะเก็บมาฝันอีกรอบ…
แดดเช้าตอน 9 โมงที่แคมป์เบลล์ริเวอร์น่าหลงใหลจนเผลอคิดว่าเป็นห่วงหนึ่งของการหลับ หลังจบอาหารเช้าแบบง่ายๆ เด็กๆกับเฮียจัสวิ่งออกไปทะเลล่วงหน้าหลายนาที ผมห่อไหล่ใต้เสื้อแจ๊คเกตสีดำขณะที่เดินทอดน่องขนานกับนางฟ้าตัวกลมไปตามถนน Larwood RD. บ้านทุกๆ หลังปิดตัวเงียบแต่งดงามกลางลานสีเขียวที่มีดอกหญ้าสีเหลือ สีขาวและสีแดงเล็กกระจิดริดกระจัดกระจายกว้างๆ กุหลาบหลากสีใหญ่ประมาณ 2 ฝ่ามือเลื้อยลงจากซุ้มโค้งกำลังบานสะพรั่ง จนผู้มาเยือนเผลอใจเอื้อมสัมผัสพร้อมกับสูดดมกลิ่นที่สวรรค์ประทานแบบเดียวกับนักเสพเสี้ยนกระหายสิ่งเสพติด ใช่! มันวิเศษเสียจนลืมนึกถึงก้าวต่อไป
“บักหล่า…ไป ไป….” นางฟ้าตัวกลมกระตุ้น เราเดินมาถึงสามแยกถนน Larwood RD.กับถนน S Island HWY. ใช้เวลาไม่น้อย มุมทางซ้ายมือจะเป็นบ้านชั้นเดียวสีขาวขณะที่ผมหันหน้าข้ามไปอีกฝั่งของถนน S Island HWY. จะเป็นทะเล Salish Sea น้ำเงินเข้มและทางขาวมือหรืออีกฝั่งของถนน Larwood RD. (ตรงข้ามกับบ้านชั้นเดียวสีขาว) จะเป็นบ้าน 2 ชั้นทรงบาวาเรียนสีน้ำตาลเข้ม มันดึงความสนใจของผมไปจนหมดสิ้น มันงดงามในขณะที่แสงแรกสีเบจกำลังลามเลียใต้เงาต้นสนสูงหน้าบ้าน โดยมีต้นสนอีก 3 4 ต้นเรียงรายอยู่หลังบ้านเป็นฉาก
ผมหยุดมอง มอง และจ้อง จ้องราวจะสำรวจให้ถึงห้องนอน มันน่าทึ่งและสมบูรณ์แบบถ้าหากผมคือเจ้าของ…ผมถ่ายรูปเก็บไว้หลายรูปก่อนจะมารู้ตรงจุดที่มีป้ายไม้สีไม้มีตัวหนังสือเป็นภาษาอังกฤษสีขาวบอกเลขที่ 2401 Beyond Beautiful Smiles และมีตัวอักษรแบบเป็นทางการสีฟ้าเข้มๆว่า Dental Center มันคือคลินิคทันต์แพทย์เบยอนด์…ใช่! มันไม่ใช่บ้านและมันก็น่าจะเป็นบ้านในตัว ผมชอบบ้านหลังนี้จนเก็บไปฝันและเมื่อผมข้ามถนนไปนั่งคู่กับนางฟ้าตัวกลมบนม้าปูนสีน้ำตาลดำที่หันหน้าออกสู่ทะเล Salish Sea เสียงลมหายใจของนางที่ผ่อนเข้าและปล่อยออกอย่างอ้อยอิ่งบอกสถานะสมดุล ผมเองก็เผลออมยิ้มแบบคนไร้สติอยู่กับเส้นขอบฟ้าจรดทะเลสีน้ำเงินจมดำ นาน นาน และนาน จนกระทั้ง
“บักหล่าคำแพงก้อนเท่าแคงเอื้อย…บอกได้ก็บอก พูดได้ก็พูด อนุชายที่เดียร์เนียวเขียนถึงในอีเมลล์คืออะไร”
ผมถอนลมหายใจให้หลุดจากห้วงสวรรค์เพื่อเผชิญกับเสียงรบเร้า จะนรกหรือโลกมนุษย์ก็พร้อมจะชนกับมันตรงๆ ณ เวลานั้น ผมหันไปมองนางฟ้าตัวกลมสั้นๆ ก่อนจะหันไปจบที่ขอบฟ้าตรงตำแหน่งเดิมอีก
“อะไรที่มันคาใจ มันตกค้างก็ทิ้งมันไว้เสียที่นี้ ชีวิตคนเราสั้นนัก อย่าเสียเวลากับบางเรื่องที่ไม่สมควรเสียเวลาเลย”
ผมถอนลมหายใจทิ้งอีกยาวๆ ก่อนจะล้วงกระเป๋าสตางค์แล้วดึงรูปใบเล็กๆ ของคนๆ หนึ่งยื่นให้ นางฟ้าตัวกลมรับไปพิจารณาพลางอ้าปากค้างราวกับเจอสิ่งมหัศจรรย์ “ใครอะทิมมี่ หล่อจัง”
“ดร…………….ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวง……………….”
“เดียร์เนียวหรือไอ้คุณนั้นนะ” นางฟ้าตังกลมอุทานเสียงสูง ผมพยักหน้าทั้งๆที่ไม่หันไปมอง “ตาย ตาย ตาย มิน่าละเธอ…”
“เรามีความทรงจำร่วมกันหลายเรื่อง…ไม่ว่าวันที่มืดมิด แดดจัด ฝนตก ฟ้าคะนองหรือมีพายุ เกือบ 13 ปี” ผมหยุดคิด…พลางเว้นช่องว่างให้เวลาทำหน้าที่ “ไม่ถึง 13 ปี แต่เป็น 12 ปี 3 เดือน กับ 18 วัน”
“ทิมมี เอื้อยเสียใจด้วยนะ….แต่มันก็ได้ผ่านไปแล้ว”
“อนุ แปลตามตัวคือ รอง ที่ 2 หรือ เบอร์ 2 ส่วนคำว่าชายก็หมายถึงผู้ชาย” ผมบอก นางฟ้าตัวกลมได้แต่ทำหน้างงๆ เป็นไก่หลงทาง ผมหันหน้ามาเผชิญกับนางใกล้ๆ สายตาจริงจังแดงซ่านจนปรากฏน้ำล่อลื่นสะท้อนแดดแรกของแคทป์เบลล์ริเวอร์แวววับราวกำลังเรียกหาความเจ็บปวดเจียนตายกลับคืนมา
“อนุชายหมายถึงชายที่เป็นเมียน้อยครับพี่สาว”
นางฟ้าตัวกลมตากลมตะลึงราวกำลังหลงในภวังค์จนผมคิดว่านางอาจจะลืมหายใจ 2 วินาที 3 วินาที 4 และ 5วินาทีก่อนนางจะโผเข้ากอดผมแน่น ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดลอดออกจากปาก ไม่เห็นแววตาที่มองไม่เห็น และในวินาทีที่ 12
“ทิ้งมันไว้ที่นี้ซะ….อย่าย้อนคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ซ้ำๆ ช้ำอีกเด็ดขาด…” นางคืนรูปใบนั้นให้แล้วก็ปล่อยมือโอบเดินลงสู่หาดหินเม็ดกลมโตสีดำเทา ผมลุกเดินตามเงาของนางฟ้าตัวกลมแบบคนพเนจร สักพักนางก็หันกลับมายิงสายตาวัดหัวใจที่กำลังเล่นเกมบ้าๆอยู่เงียบๆ…..ผมควรจะวางรูปมันไว้ที่นี้แล้วกลับไทยแบบคนใหม่ (เป็นทิมมี่ให้สมบูรณ์แบบสักที) ผมคิดก่อนจะค่อยทรุดวางรูปใบนั้นไว้ใกล้ๆกับท่อนซุงสนที่เกือบพุ
“ดีแล้วละบักหล่าเอ้ย…กลับไปแบบคนใหม่ เป็นคนใหม่ เริ่มต้นใหม่ นางฟ้าตัวกลมเอาใจช่วย” นางฟ้าพูดเสียงหนักแน่นๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับราวไม่เหลืออีกคนเอาไว้ให้ห่วง
นางฟ้าตัวกลมเดินหายข้ามถนน S Island HWY. ขึ้นเนินเตี้ยๆเลยบ้านชั้นเดียวสีขาว ผ่านคลินิกทันต์แพทย์เบยอนด์แล้วก็หายไป ปล่อยให้ผมเผชิญหน้ากับรูปใบเล็กๆ เพียงลำพัง….ผมก็แค่คนโลเลไม่อยากจะลังเล คิดเยอะแต่ก็ไม่อยากคิดมาก
นกนางนวลเกาะกลุ่มอาบแดดอยู่สุดโค้ง บางตัวกระพือปีกโผข้ามทะเล Salisg Sea สู่หัวหินโสโครก หลายตัวซอยขาถี่ๆ เบียดเข้าหาตัวที่อยู่ใกล้ๆหรืออาจจะเป็นคู่ของมัน “คงจะมีเพียงกู กับปูลมในซอกหินเท่านั้นกระมังที่โดดเดียว” ผมพ่นลมหายใจทิ้งๆขว้างๆ “พี่ควรจะทิ้งนายไว้ที่นี้ละนะ…” ผมเผลอคิดต่อ “นายจะต้องเหน็บหนาวในหน้าหิมะ” ใจผมเริ่มสั่น-สั่งให้เดินจากตรงนั้นไปแต่ก็ยังอดเหลือบมองใบหน้าไอ้คุณในรูปใบเล็กที่แปะพื้นแฉะๆไม่ได้ “จะไม่มีวันเป็นอนุชายให้นายแน่ๆ….ลาก่อน” ปากหลุดคำลาแต่หัวใจกลับกรอกราวกับจะเรียกร้อง….
“ทำไมพี่ถึงโง่และอ่อนแอเช่นนี้…” แล้วทุกสิ่งอย่างก็กลับเข้าที่เดิม…แดดใกล้เที่ยงยังหนาวเหน็บ ผมก็ยังโลเลไม่จบสิ้นเหมือนที่ผ่านๆ มา….
“บอกลาแคมป์เบลล์ริเวอร์ซะทิมมี่…..”
เพราะเรื่องมันเศร้านะครับ…แคมป์เบลล์ริเวอร์เป็นเมืองที่ถูกออกแบบมาเพื่อผมก็จริงอยู่ แต่จะเป็นจริงได้หรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ผมสามารถฝันถึงเมืองเล็กๆ เงียบๆ ที่เต็มเปรี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งนี้ได้ทุกเวลา ถ้ามันทำให้ผมระลึกถึงความสุข ความอบอุ่น แต่หากวันหนึ่งข้างหน้าแคมป์เบลล์ริเวอร์เปลี่ยนไป ผมก็จำเป็นต้องเดินหนีแบบไม่ลังเล…..
ครับผม Timmy Buto คนโลเลต้องเดินทางกลับแล้ว เจอกับบนเรือเฟอร์รี่ บาย บาย