ทางสายกลาง

ทางสายกลาง

เดิน ทางสายกลาง และ สร้างความดี กันเถิด

ตามปกติมนุษย์ทุกคนอยากจะได้รับแต่ความพึงพอใจด้วยกันทั้งนั้น แต่การที่ไม่เป็นไปตามที่คิด นั้นแหละคือชีวิต เพราะสิ่งที่เรียกว่าชีวิตนั้นน่าสนใจมากถ้ารู้จักคิด เมื่อพิจารณาให้ลึกซึ้งจะเห็นว่า สิ่งที่ทำให้วัฒนธรรมเจริญก้าวหน้าก็คือความไม่พอใจของมนุษย์นั่นเอง ดังนั้น สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกจึงไม่สามารถตีความหมายออกมาได้อย่างง่ายดาย กล่าวคือ ยิ่งมนุษย์มีความไม่พอใจก็จะมีการพัฒนาปรับปรุงแก้ไขให้สูงส่งขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ถ้าความไม่พอใจมีมากเกินไปก็ยุ่งยากเหมือนกัน เช่น เป็นสาเหตุนำไปสู่การทะเลาะวิวาท บางครั้งก็นำไปสู่ความหายนะ สำหรับในด้านส่วนตัวมีบ่อยครั้งที่เป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายต่างๆ อันจะทำให้ครอบครัวแตกแยก มีการผิดพ้องหมองใจและทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนฝูงคนรู้จัก ประชดตัวเอง เป็นต้น

สำหรับในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสังคมส่วนรวมนั้น จะทำให้เกิดกลุ่มคนที่มีความคิดรุนแรง ทำการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อย และทำให้เกิดความวุ่นวายต่างๆ ขึ้นในสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะเพิกเฉยเสียมิได้ ความจริงไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลยเพียงแต่ยึดหลักสายกลาง คือไม่เอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป เรื่องนี้พูดง่ายแต่ทำยากตรงจุดนี้เองที่เรียกได้ว่าคือชีวิต

การทำความดีในสภาวะย่ำแย่ ประการสำคัญคนไทยต้องยอมรับความจริงก่อนแล้วจึงตั้งต้นใหม่กับปัญหาที่ต้องเผชิญหน้า เมื่อเรายอมรับความจริงแล้ว เราก็สามารถตั้งต้นสภาพชีวิตว่าควรจะดำเนินไปอย่างไร ทั้งนี้ควรดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน ถ้าเรามองในแง่ดีก็เห็นว่าเราโชคดีที่มีวิกฤติเยอะแยะให้เรียนรู้และควรปรับพฤติกรรม เช่นการใช้เงิน การกิน การอยู่ หรือการบริโภคเพื่อมุ่งประโยชน์ มิฉะนั้นมีเงินเท่าไรก็ไม่พอจ่าย ทำดีโดยลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นในชีวิต และกิจกรรมที่เกินความเป็นจริงออกไปเสีย

ทางสายกลาง

ที่สำคัญต้องดำเนินชีวิตบนทางสายกลาง เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหรือวิกฤติอะไรขึ้นมาเราก็จะไม่ฟุบหรือล้มจนลุกไม่ขึ้น ต้องใช้ชีวิตไม่ประมาทและเป็นหลักประกันตัวเองและครอบครัวให้อยู่ได้ในอนาคต สิ่งที่ทำดีได้ให้คนไทยทุกคนช่วยกันประหยัด ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง และตามแนวทางพุทธศาสนา คือยินดีในสิ่งที่ตนได้พอใจในสิ่งที่ตนมี พอมี พอกิน พอใช้ นำไปใช้ เพื่อความสงบสุขในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง

ถึงแม้ว่าการทำดีหรือว่าการทำบุญ จะนานเกินรอไม่มีอะไรมาสนองความดีที่ทำเสียที ก็ทำให้หลายคนท้อจะทำความดี การมุ่งมั่นหวังในบุญบาปว่าต้องตอบสนองตามเวลาและเรื่องที่เราคาดหวัง จึงอาจไม่ถูกต้องเวรกรรมมีจริงและสนองคืนแน่นอน แต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เหมือนเหวี่ยงบูมเมอแรงออกไป มันย้อนมาเสมอ เพียงแต่ไม่รู้เวลาและเรื่องที่จะตอบแทนกลับมา จึงควรทำความดีให้มากๆ โดยไม่ต้องหวังว่าจะได้ดีกลับมาเมื่อไหร่ อย่างไร จะได้ไม่ผิดหวังรอ และไม่คาดหวังแล้วได้ผิดเรื่องจะเสียใจไม่เข้าเรื่อง สู้ไม่หวังอะไรแล้วได้มันมีความสุขกว่า

สร้างความดี

บาปบุญคุณโทษก็เหมือนดอกไม้ คือ ดอกไม้บานแน่ๆ แต่ดอกไม้ต่างชนิดกันก็บานไม่พร้อมกัน แม้แต่ดอกไม้ชนิดเดียวกันก็บานไม่พร้อมกัน และต้องเข้าใจด้วยว่า ชีวิตคือการทำกิจกรรมหลากหลายที่จะดีเลวถูกผิด ชีวิตทุกคนจึงมีท้้งเรื่องดีและร้ายเข้ามา ถ้าทำดีมากกว่าก็มีเรื่องดีเข้ามามากกว่าเรื่องร้าย หากทำถูกใหญ่ๆ ผิดเล็กๆ ชีวิตก็มีแต่ปัญหาเล็กน้อยแก้ง่าย แต่ที่ได้เข้ามามักเป็นเรื่องดีที่ควรภูมิใจ รู้นัยเวรกรรมจึงควรรู้และอยู่ในใจ ระวังไม่ทำผิด แหละพิถีพิถันทำแต่เรื่องดีที่ดีจริงเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย แล้วชีวิตจะได้พบแต่ความรุ่งเรืองและความสุข

รวบรวมและเรียบเรียงธรรมะดีๆ มาฝาก โดย พเยาว์

ทรงอาจแนะนำ

Visited 15 times, 1 visit(s) today

เผยแพร่โดย

พเยาว์ โมทาน

รวบรวม เรียบเรียง บทความธรรมะ ประชาสัมพันธ์