สิ่งที่จีรังยั่งยืนคือความดี

สิ่งที่จีรังยั่งยืนคือความดี พึงทำความดี เพราะ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

สิ่งที่จีรังยั่งยืนคือความดี

ธรรมชาติบางอย่างพัฒนาก้าวหน้าขึ้นมาได้เพราะทางตัน ขอให้สังเกตจากต้นไผ่ คงจะทำให้เข้าใจได้ดี ต้นไผ่เมื่อเติบโตขึ้นมามันจะเกิดปล้อง ยิ่งสูงขึ้นมันก็จะยิ่งมีข้อต่อขั้นไว้มากขึ้น นี่เองที่ทำให้ต้นไผ่แข็งแรง ถ้าต้นไผ่เติบโตขึ้นมาโดยไม่มีข้อต่อคั่นกลาง มันจะเป็นต้นไผ่ที่บึกบึนแข็งแรงไม่ได้ การที่ต้นไผ่มีข้อต่อน้อยย่อมอ่อนแอ ถ้ามีข้อต่อมากก็ย่อมแข็งแรงขึ้น ธรรมชาติให้บทเรียนแก่เราในทุกกรณีที่มีอยู่

ในโลกนี้มีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่พบกับทางตันอันเกิดจากการกระทำของตนเอง ซึ่งแตกต่างจากธรรมชาติดังกล่าวมานั้น เพราะมีความเฉลียวฉลาดในทางที่ดีไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าถ้ากระทำเช่นนั้นแล้วจะเกิดผลอย่างไร

ทางตันของมหาเศรษฐีผู้หนึ่ง ยามไม้ใกล้ฝั่ง ก็คือมหาเศรษฐีผู้นี้รู้ตัวว่าจะตายก็หาหนทางทุกวิถีทางจะไม่ยอมตาย ทั้งชีวิตก็มีความเป็นอยู่ฟุ่มเฟือยหรูหรามาก แต่เรื่องการบุญการกุศลกลับตะหนี่ถี่เหนียว ไม่เข้าใจสัจธรรมแห่งชีวิตว่าเป็นอย่างไร ตนเกิดมาจากไหน ตายแล้วต้องไปไหน มีภรรยา 3 คน

ภรรยาคนที่ 3 รักมากที่สุด เขาได้กุมมือภรรยาคนที่ 3 ไว้แน่น “บัดนี้อาการเจ็บป่วยของฉัน ทำให้ฉันคงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เมื่อคิดถึงว่าฉันต้องจากโลกนี้ไปอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายเช่นนี้ ทำให้รู้สึกว้าเหว่มาก ฉันจึงอยากขอร้องให้เธอมาตายพร้อมกับฉันได้ไหม?” ภรรยาคนที่ 3 ได้ฟังเช่นนี้ตกใจจนหน้าถอดสีรีบบอกว่า “ฉันรู้ว่าท่านรักฉันมาก แต่ท่านบอกให้ฉันตายพร้อมกับท่านเป็นไปได้อย่างไร? ท่านอายุมากแล้วก็ย่อมต้องตายเป็นธรรมดา ส่วนฉันอายุยังน้อยจะตายตามท่านไปได้อย่างไรกัน ท่านก็รักภรรยาคนที่ 2 มากด้วยมิใช่หรือ? ท่านให้เขาตายพร้อมกับท่านก็แล้วกัน” ” โธ่เสียแรงที่ฉันดีกับเธอมาก” มหาเศรษฐีได้แต่ถอนใจ

เรียกภรรยาคนที่ 2 มาพบ ภรรยาคนที่ 2 ได้ฟังตกใจจนตัวสั่นรีบบอกว่า “ปกติท่านรักฉันมากฉันขอขอบคุณ แต่ที่จะให้ฉันตายพร้อมกับท่านคงยังไม่ได้” “โธ่ ปรกติฉันรักเธอยังกับอะไรดีไม่เพียงแต่เธอไม่ยอมตายด้วยกันเธอยังจะไปเป็นของคนอื่นอีกโธ่”

ท่านเศรษฐีจนปัญญาได้แต่เรียกหาภรรยาหลวงที่ปรกติเขาไม่เคยใส่ใจเลยมาพบ “ต้องขอโทษเธอเป็นอย่างมากที่ผ่านมา ฉันได้เย็นชากับเธอเกินไป ตอนนี้ฉัน ก็กำลังจะตายแล้ว แต่ว่าฉันคนเดียวไปปรโลกก็รู้สึกเดียวดายว้าเหว่มากขอให้สงสารฉันเธอมาตายพร้อมกับฉันได้ไหม” ภรรยาหลวงตอบว่า “โบราณว่าแต่งกับไก่ติดตามไก่แต่งกับหมาติดตามหมา บัดนี้ท่านจะตายแล้ว ฉันก็ไม่ขออยู่ต่อไปคนเดียว ยินดีที่จะตายตามท่านไปด้วย”

ท่านเศรษฐีคิดไม่ถึงว่าภรรยาหลวงจะยอมตายพร้อมกับเขาเมื่อได้ฟังดังนั้นรู้สึกเหลือเชื่อ ทั้งละอายแก่ใจตน “เธอซื่อสัตย์ภักดีกับฉันเช่นนี้ แต่ฉันกลับละเลยไม่เคยสนใจเธอเลย จนเกือบจะลืมเธอเสียแล้ว ในทางกลับกัน ฉันเห็นภรรยาคนที่ 2 คนที่ 3 สำคัญยิ่งกว่าชีวิตตนเอง แต่พวกเขากลับเนรคุณใจจืดใจดำทอดทิ้งฉันไม่ยอมตายเป็นเพื่อนฉัน ฉันรู้สึกเสียใจและละอายใจตน ที่แต่ก่อน ทำไมฉันจึงไม่รักถนอมเธอไม่สนใจเธอ ไม่ดีกับเธอมากกว่านี้”

ความหมายที่แฝงอยู่ในนิทานเรื่องนี้ ภรรยาคนที่ 3 หมายถึงร่างกายของคนเรา คนโดยทั่วไปมักจะเอาใจใส่ร่างกายของตนเองมาก เวลาอากาศหนาว ก็รีบใส่เสื้ออย่างหนาให้ แต่พออากาศร้อนก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างบาง พอเป็นโรคหวัดเล็กน้อย ก็รีบไปหาหมอเพื่อรักษา ปกติยังแต่งตัวให้หมดจดสวยงามน่าดู แต่ว่ากายเนื้อนี้เป็นแต่เพียงแค่หน้าตาภายนอกเราเท่านั้น แม้จะบำรุงรักษาหรือตบแต่งให้น่าดูแค่ไหน ก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อจิตเดิมแท้แม้แต่น้อย พอสิ้นลมปราณก็จะเป็นเพียงแค่ซากศพไม่อาจไปพร้อมกับจิตเดิมแท้ได้ แต่คนเราสามารถใช้กายเนื้อนี้สร้างคุณประโยชน์แก่สังคม สร้างบุญ สร้างกุศล

ภรรยาคนที่ 2 หมายถึงทรัพย์สินเงินทอง เพชรนิลจินดาและลาภยศชื่อเสียง คนทั่วไปนั้นวันๆ ล้วนแต่แสวงหาสิ่งทั้งหมดทุ่มเทให้กับสิ่งเหล่านี้ บางคนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายถึงกับทำผิดศีลธรรม ทำผิดกฎหมาย ทว่าลาภยศเป็นของนอกกาย ตอนเกิดไม่ได้พามา ตายแล้วพาไปไม่ได้ การทุ่มเทแสวงหามาตลอดชีวิตต่อให้มั่งคั่งยิ่งกว่านี้ มีตำแหน่งสูงยิ่งกว่านี้ ท้ายสุดก็เหลือแต่ความว่างเปล่าพาไปไม่ได้แม้แต่น้อย มั่งมีและลาภยศจึงไม่มีประโยชน์ต่อจิตอันแท้จริงของตนแม้แต่น้อย มั่งมีและลาภยศจึงไม่มีประโยชน์ต่อจิตอันแท้จริงของตนแม้แต่น้อย

ภรรยาหลวง หมายถึง จิตใจของคนเรา ตัวตนของทุกคนหรือจิตวิญญานอันแท้จริงเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม้รู้จักมัน จึงไม่ใส่ใจหรือเอาใจใส่มัน เพื่อทำให้มันสว่างไสวขึ้น มารู้แต่จะทำให้กายเนื้อสมปราถนา สนองกิเลสตัณหา ละโมบในลาภยศกระทั่งจิตดำมืดขุ่นข้นกายอ่อนเปลี้ยแรง เต็มไปด้วยบาปกรรม ต่อเมื่อตายแล้วถึงรู้ ขณะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม ไม่ได้ขัดเกลาจิตวิญญาณให้สว่างไสวมีแต่บาปปกปิดเต็มตัว

ทำดีได้ดี ควรรีบสร้างความดี ด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เพื่อจะเป็นเสบียงติดตัวเรา เมื่อตายไปแล้ว เรียกว่า…อยู่ก็ไม่ลำบาก จากก็ไม่ลำเค็ญ อยู่ก็สบาย ไปก็สะดวก อันคนดีอยู่ที่ไหนใครก็รัก…จากเขาก็อาลัย ตายก็ยังมีคนเสียดายคิดถึงอยู่

ตรงกันข้ามขณะยังมีชีวิตอยู่ถ้ามัวแต่ละโมบในลาภยศ สร้างแต่บาปกรรรม เมื่อแตกกายทำลายขันธ์ละจากโลกนี้ไปแล้ว หนทางข้างหน้าย่อมมืดมน หนีไม่พ้นที่จะพบกับทางตันอันเกิดจากการกระทำของตนเอง

รวบรวมและเรียบเรียงธรรมะดีๆ โดย พเยาว์

ทรงอาจแนะนำ

ควรทำหน้าที่ของตน และไม่ควรประมาท

สิ่งที่ทำแล้ว ทำคืนไม่ได้

การคบคนดีเป็นมิตร มีแต่เกิดประโยชน์

ไม่มีพลังใด เสมอด้วยแรงแห่งกรรม

เมื่อถึงคราวทุกข์ ก็ควรมีสติ

ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ ดีกว่า

พึงยกย่อง คนที่ควรยกย่อง

เป็นคนควรพยายาม ไปจนกว่าจะสำเร็จ

ความชั่ว ไม่ทำเลยดีกว่า

จงเตือนตนด้วยตนเอง

คนโกรธ มักอยู่เป็นทุกข์

สารตั้งต้นแห่งความสำเร็จ

พึงทำดีให้โลกนี้เป็นสวรรค์บนดิน

ความศรัทธาคือความเที่ยงธรรม

บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำ

ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่

มนุษย์แปลว่าผู้มีจิตใจสูง

หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น

ความประเสริฐของมนุษย์

จดหมายจากยมบาล

Visited 42 times, 1 visit(s) today

เผยแพร่โดย

พเยาว์ โมทาน

รวบรวม เรียบเรียง บทความธรรมะ ประชาสัมพันธ์