ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่

สัจธรรมสำคัญ ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ ไม่ว่า โลก ประเทศชาติหรือบุคคลก็ตาม กุญแจที่จะช่วยขจัดปัญหาทั้งหมดได้ก็คือคำ 3 พยางค์ที่ว่า “ความจริงใจ”

ความเหลวแหลกทางการเมือง ก็เนื่องมาจากความเสื่อมโทรมทางด้านศีลธรรมก็เช่นเดียวกัน เป็นเพราะขาดความจริงใจ ความสับสนของระเบียบวินัยเกิดขึ้นก็เพราะขาดความจริงใจ ปัญหาที่น่าเกลียดก็มีต้นเหตุมาจากการขาดความจริงใจ ถ้าศาสนาวิชาการหรือศิลปะปราศจากความจริงใจเป็นหลักแล้ว ก็เป็นได้แต่เพียงโครงร่างเท่านั้น

ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่

โอ…ความจริงใจ ความจริงใจ. มนุษย์เราเอ๋ย กุญแจที่จะช่วยขจัดปัญหาต่างๆ ได้ก็คือ ความจริงใจเท่านั้น การทำบุญกับพระปลอม เป็นอย่างไร มาอ่านเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กัน

ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่

มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเป็นคนยากจนมาก หาเลี้ยงชีพด้วยการขอทาน เดินทางมาอาศัยอยู่ที่ศาลาข้างถนนแห่งหนี่ง ซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง ในขณะที่พักอยู่นั้นภรรยาซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ เกิดอาการแพ้ท้อง อยากจะกินอาหารที่พระราชาเสวย ที่เป็นอาหารอันประณีต จึงอ้อนวอนสามีให้ไปหามาให้ หากไม่ได้กินต้องตายแน่ๆ ฝ่ายสามีผู้มีกรรมทนคำอ้อนวอนต่อไปไม่ไหวและเกรงว่านางจักตาย

เช้าวันหนึ่งได้เดินไปสังเกตการณ์ที่หน้ามหาราชวังเห็นพระราชาทรงถวายอาหารบิณฑบาตแก่พระภิกษุในวันธรรมะสวนะ ดังนั้น จึงคิดอุบายปลอมตัวเป็นพระภิกษุ พอวันพระมาถึงก็เดินตามหลังพระภิกษุที่ออกรับบิณฑบาต ด้วยความระมัดระวังตัวมาก ดูเหมือนเป็นผู้สำรวมยิ่งกว่าพระจริงที่เดินนำหน้า ขณะนั้นพระราชาลงมาจากพระราชวัง เพื่อถวายอาหารบิณฑบาต เมื่อถอดพระเนตรเห็นภิกษุเดินด้วยกิริยาอาการสำรวมเช่นนั้นทรงจินตนาการว่า “ภิกษุนี้มีกิริยาอาการสำรวมน่าเลื่อมใสเป็นหนักหนา คงเป็นพระที่ทรงคุณวิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแม่นมั่น” จึงเกิดพระราชศรัทธาทรงสั่งอำมาตย์คนสนิทให้นำพระกระยาหารที่จะเสวยในวันนั้นมาใส่ลงในบาตรจนหมด ด้วยจิตที่เลื่อมใสยิ่ง ดังนั้น ด้วยความเลื่อมใสอันมีอยู่มากมายในพระทัยของพระราชาทรงปลื้มปิติในบุญกุศลจึงรับสั่งอำมาตย์คนสนิทให้รีบสะกดรอยตามไป เพื่อให้รู้ว่าพระท่านมาจากไหนจะไปพักที่ไหน เพื่อว่าวันต่อไปจะนิมนต์มารับบาตรในพระราชวังอีก

ฝ่ายพระภิกษุปลอมนั้น เมื่อได้อาหารเต็มบาตรสมความปราถนาแล้วก็ดีใจ รีบเดินไปสุดกำแพงพระราชวัง เมื่ิ้อเห็นว่าปลอดผู้คนแล้ว จึงเปลื้องจีวรและสบงออกเป็นเพศคฤหัสถ์ตามเดิม แล้วนำอาหารนั้นไปให้ภรรยาแพ้ท้องกิน อำมาตย์ซึ่งสะกดรอยติดตามมาได้เห็นพฤติการณ์นั้นโดยตลอดก็บังเกิดความตกใจและสังเวชใจคิดว่ามาเจอคนที่ปลอมตัวเป็นพระเสียแล้ว จึงเข้าไปหวังจะจับไปรับโทษแต่ด้วยความสงสารมองเห็นภรรยาของเขาท้องแก่และอ้างเหตุผลดังกล่าว จึงเกิดความเห็นอกเห็นใจ ทำได้เพียงขับไล่สามีภรรยานั้นไป หลังจากนั้นก็เดินทางกลับไปเฝ้าพระราชา พระราชาจึงตรัสถามว่า “ได้ความว่าอย่างไร บอกมาเร็วๆ พระนั้นอยู่วัดไหน?” อำมาตย์จึงใช้กุศโลบายเพื่อรักษาศรัทธาของพระราชาไว้ กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ข้าพระพุทธเจ้าได้สะกดรอยตามพระรูปนั้นไป จนออกนอกกำแพงพระราชวัง พอตามไปสุดพระราชวังโน้น ท่านก็หายวับไปทันที (ในที่นีหมายถึงหายจากความเป็นพระกลายเป็นคฤหัสถ์ไป)

พระราชาได้ฟังดังนั้นทรงโสมนัสมาก มิได้ซักความเพิ่มเติมอีก ทรงคิดเอาเองว่า “บุญของเราแท้ๆ ที่ได้ถวายทานแด่พระอรหันต์ทรงคุณวิเศษ ท่านเป็นพระอรหันต์จริงๆ ปาฏิหาริย์หายตัวได้ ทานที่ได้ถวายท่านในวันนี้มีอานิสงส์มากเป็นทานที่ประเสริฐอย่างแน่ๆ พระราชาทรงบังเกิดความปิติเบิกบานใจในบุญที่ได้ทำเป็นยิ่งนักไม่นานหลังจากนั้นพระราชาก็เสด็จสวรรรคต ไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ส่วนอำมาตย์คนสนิทก็สถาปนาตนเป็นพระราชาแทน ในคราวนั้นได้มีพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่งเพิ่งออกจากฌานสมาบัติได้เที่ยวจาริกไปในพระนครเพื่อบิณฑบาต พระราชาองค์ใหม่ก็ลงมาใส่บาตรในวันพระตามประเพณี ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปนั้น ก็ได้นิมนต์ท่านเข้าไปรับภัตตาหารในพระราชวัง แต่ในใจก็รู้สึกคลางแคลงใจสงสัยในพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปนั้นตลอดเวลาเนื่องจากครั้งก่อนเจอพระปลอมบวชเข้าจึงเกรงว่าในครั้งนี้ก็เป็นพระปลอมบวชเช่นกัน โดยหารู้ไม่ว่าภิกษุที่ตนได้ถวายภัตตาหารอยู่นั้นคือ พระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้สิ้นกิเลสอาสวะแล้วสิ้นเชิง เมื่อได้ประมาทแล้วในพระอริยบุคคลโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นการถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าในครั้งนี้นอกจากจะไม่เกิดกุศลแล้ว ยังทำให้พระราชานั้นได้หนทางไปสู่อบายในโลกหน้าโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

เรื่องนี้สอนว่าการทำบุญกับพระ หรือถวายของพระ หรือพระจะทำอะไรไม่ถูกใจเราหรือทำผิดอะไรก็ตาม เราอย่าไปคิด ไม่ต้องสนใจ ถ้าท่านไม่ดีทำอะไรไม่ถูกต้อง จะมีเจ้าหน้าที่และเวรกรรมจัดการท่านเอง ส่วนเรานั้น เมื่อทำบุญแล้ว ถ้าเราไม่คิดมากทำใจให้สบายไม่ไปสอดส่องตำหนิติเตียนท่าน ไม่เสียดายของที่ทำบุญ ให้คิดถึงแต่บุญกุศลที่เราทำไปเราจะไม่ตกนรก เราจะขึ้นสวรรค์ทันทีทันใดเพราะจิตใจเรามีความอิ่มเอมเปรมปรีด์ เกิดปิติสุขใจปลื้มใจมากๆ ที่ได้ทำบุญครั้งนี้ เพราะนรกสวรรค์อยู่ที่ใจและความคิด เราต้องคิดในแง่ดีคิดเป็นบุญกุศลคิดให้สุขสบายใจเสมอๆ เราไม่ทุกข์เลย ความคิดดีเหมือนกับกิ่งเข็มสามสีที่แต่ละใบมีความแหลมของปลายใบชี้ขึ้นเกิดปัญญาความคิดดีที่หลากหลายทิศทาง มีความเข้มแข็งในตัวเอง เป็นสิ่งสร้างสุขที่แน่นอน

ภาพ : pixabay.com รวบรวม/เรียบเรียง : พเยาว์ โมทาน

ทรงอาจแนะนำ

ควรทำหน้าที่ของตน และไม่ควรประมาท
สิ่งที่ทำแล้ว ทำคืนไม่ได้
การคบคนดีเป็นมิตร มีแต่เกิดประโยชน์
ไม่มีพลังใด เสมอด้วยแรงแห่งกรรม
เมื่อถึงคราวทุกข์ ก็ควรมีสติ
ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ ดีกว่า
พึงยกย่อง คนที่ควรยกย่อง
เป็นคนควรพยายาม ไปจนกว่าจะสำเร็จ
ความชั่ว ไม่ทำเลยดีกว่า
จงเตือนตนด้วยตนเอง
คนโกรธ มักอยู่เป็นทุกข์
สารตั้งต้นแห่งความสำเร็จ
พึงทำดีให้โลกนี้เป็นสวรรค์บนดิน
ความศรัทธาคือความเที่ยงธรรม
บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำ
มนุษย์แปลว่าผู้มีจิตใจสูง
หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น
ความประเสริฐของมนุษย์
จดหมายจากยมบาล
อดทนได้ก็ได้บุญ
Visited 28 times, 1 visit(s) today

เผยแพร่โดย

พเยาว์ โมทาน

รวบรวม เรียบเรียง บทความธรรมะ ประชาสัมพันธ์