ตั้งเป้าหมายนำชีวิต คิดบวกความสุขในมุมเล็กๆ
ตั้งเป้าหมายนำชีวิต
ตั้งเป้าหมายนำชีวิต คืออะไร? ง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ ผมจะเปรียบเทียบกับการขับรถก็แล้วกันนะครับ
- ถ้าคุณขับรถโดยไม่มีเป้าหมาย-ปฏิกิริยาที่ร่างกายตอบสนองก็จะเฉื่อยๆ ชาๆ เรื่อยๆ เอื่อยๆ แล้วแต่เวรแต่กรรมจะนำทางใช่ไหมครับ
- แต่ถ้าคุณมีเป้าหมายและเวลาบังคับแน่นอน-ปฏิกิริยาที่ร่างกายตอบสนองก็จะตื่นตัว-ตื่นเต้น-สายตาจะนำทางรถยนต์ไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นเพราะความอยากจะไปให้ถึงไวๆ
ชีวิตก็เช่นกันถ้ามีเป้าหมายที่แน่นอนปฏิกิริยาที่ร่างกายตอบสนองก็จะชัดเจน ตื่นตัว-มุ่งมั่น มีความอยากได้ อยากเป็น อยากขวนขวาย-ไขว่คว้าอยู่ตลอดเวลา ความสำเร็จก็จะเข้าใกล้เข้ามาทุกๆ นาที ทุกชั่วโมง ทุกๆ วัน และหากชีวิตคุณไม่มีเป้าหมายซะแล้ว ร่างกายก็จะไม่ตอบสนองอะไรเลย เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ชาๆ โลกนี้เต็มไปด้วยความว่างเปล่าประมาณนั้น….เอาละโปรยหัวข้อซะยืดยาวใครอยากได้แนวทางการตั้งเป้าหมายนำชีวิตบ้าง ยกมือขึ้นสูงๆ แล้ว
มา!…ตาม Timmy มาเลยครับ ผมจะแจงมุมมองส่วนตัวให้ได้อ่านกัน เผื่อแนวทางและความคิดของเราจะตรงกัน
แต่เดิมผมเป็นลูกชาวนา เรียนโรงเรียนวัด พ่อไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย แม่เป็นแม่บ้าน-ชาวบ้านจนๆ ในชนบทธรรมดาๆครอบครัวหนึ่ง ไอ้เรื่องทำนาแบบสมัยโบราณอย่าให้คุยเลย ทำเป็น ทำได้และเคยทำทุกอย่าง-ทุกขั้นตอนนั้นแหละครับ เพราะเป็นลูกชายคนโต พ่อไปทำงานซาอุฯ คนที่จะไถ่นาด้วยควาย คลาดนาด้วยควาย ปลูกต้นข้าวหรือที่เรียกกันว่า “ดำนา” จนถึงใส่ปุ๋ย เกี่ยวข้าว นวดข้าวก็ผมนี้แหละครับ สมัยเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ 4 อายุเพิ่งจะ 9 ขวบ 10 ขวบ ผมก็ต้องเป็นกำลังหลักให้ครอบครัวแล้ว และการตั้งเป้าหมายนำชีวิตเริ่มขึ้นตอนไหน ผมจำได้คลับคล้ายคลับคราว่าประมาณประถมศึกษาปีที่ 4 หรือ 5 ก็ประมาณ 10 ขวบ 11 ขวบ เท่านั้นเอง เพราะเมื่อปลายปี 2525 ฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ผมเรียนประถมศึกษาปีที่ 3 พ่อกลับมาจากประเทศซาอุฯ เป็นครั้งแรก ท่านได้ซื้อโทรทัศน์ขาว-ดำเครื่องเล็กๆ มาด้วยเครื่องหนึ่ง ไม่ถึง 2 เดือนท่านก็กลับไปทำงานที่ประเทศซาอุฯ ต่อ สมัยนั้นซีรี่ย์ฮ่องกงกำลังมาแรง คุณแม่ผมนี้ Happy มากๆ ชอบจนถึงขั้นติดเลยละครับ ซีรี่ย์เรื่องนั้นผมไม่ชัวร์คลับคล้ายคลับคราใช้ชื่อภาษาไทยว่า “ค่าของคน” อะไรทำนองนี้แหละครับ โดยมีคุณ โจเหวินฟะ เป็นพระเอก และยังแสดงเป็นสถาปนิกซะด้วย เวลาก้าวขาลงจากรถเก๋ง กางเกงสแล็คสีครีมกับรองเท้าหนังมันแผล็บ…โครตเท่ ผมจำขึ้นใจจนนับถือคุณโจเหวินฟะเป็นไอดอลเลยละครับ เพราะคุณแม่อยากมีเพื่อนดูทีวีแท้ๆ ผมเลยต้องหลับๆ ตื่นๆ ได้ดูไปด้วยจนจำฝังใจและอยากเป็นสถาปนิกตั้งแต่คืนนั้น กระนั้นผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า การจะเป็นสถาปนิกได้ต้องเรียนสายไหนวิชาอะไรเพราะครูโรงเรียนวัดไม่เคยแนะแนวหรืออาจจะเห็นเรายังเด็กด้วยมั่ง กระทั้งผมเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อาจารย์ฝ่ายแนะแนวเลยชี้ทางสว่าง ผมจึงตัดสินใจไปเรียนต่อ ปวช. คณะเทคนิคสถาปัตยกรรมอย่างไม่ลังเล สมัยนั้นใครที่รู้เป้าหมายนำชีวิตของผมว่าคืออะไร ทุกคนก็จะทำหน้างงๆ แล้วหัวเราะหาว่าผมบ้า-เพ้อเจ้อ-ฝันเกินตัวอีกสารพัด และมักจะถามผมกลับดังๆ ว่า ทำไมไม่เรียนเป็นตำรวจ ไม่เรียนเป็นทหาร หรือไม่เรียนเป็นครู ไม่เรียนเป็นหมอ เพราะคนบ้านนอกสมัยนั้นรู้อยู่แค่นี้จริงๆ และถ้าถามผมในวันนั้นบ้างว่า ผมฝันเกินตัวจริงๆ หรือเปล่า ก็ต้องตอบแบบตรงไปตรงมานะครับว่า จริง และผมก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะทำได้ รู้อย่างเดียวว่าอยากเป็นสถาปนิก-หากไปไม่ถึงขอเป็นแค่พนักงานเขียนแบบก็เอาประมาณนี้
เมื่อผมมีเป้าหมายนำชีวิตที่ชัดเจน ผมหลับตามองย้อนความรู้สึกกลับไปสมัยเรียนระดับ ปวช. ปวส. แรงถีบส่ง ความมุ่งมั่นสูงมากๆ ครอบครัวผมไม่มีเงินหรอกครับ ผมอาศัยหน้าด้านของานจากบริษัทเขียนแบบมานั่งทำตอนกลางคืน หรือหากช่วงไหนไม่มีงานผมก็จะเดินเข้าร้านอาหาร-สวนอาหารขอเป็นเด็กเสริฟบ้าง ล้างจานบ้างกระทั้งเรียนจบระดับ ปวส. และต่อระดับปริญญาตรีภาคค่ำอีก 2 ปีจึงได้ไปสอบใบประกอบวิชาชีพ ผมโชคดีที่มีเจ้านายดี ท่านขนหนังสือจากที่บ้านมาให้ผมอ่านในเวลาทำงานล่วงหน้าตั้ง 2 เดือน ผมสอบครั้งเดียวผ่าน วันแรกที่ได้เป็นสถาปนิก ผมนั่งมองใบประกาศจนสว่างคาตาเลยละแบบปลื้มมากๆ ขอบคุณ คุณโจเหวินฟะ จนแทบจะเอารูปเขามาทำล็อกเก็ตแขวนคอ ผมทำตามความฝันของตัวเองจนสำเร็จเพราะปฏิกิริยาจากการตั้งเป้าหมายนำชีวิต ผมจึงสรุปจากบทเรียนของตัวเองสู่ทุกๆ คนได้ว่า
พวกคุณทำได้-ฝันได้ ขอเพียงให้ เป้าหมายนำชีวิต ชัดเจนแน่นอน ถ้าเป้าหมายนำชีวิตชัดเจน แรงอยากได้ อยากมี อยากเป็นมันจะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ อย่างทุกวันนี้ผมตั้งเป้าหมายนำชีวิตว่าอยากเป็นนักเขียนทั้งๆ ที่วิชาภาษาไทยไม่เคยได้เกรด 3 อย่าถามถึงเกรด 4 เลยอายชาวบ้านเขาเปล่าๆ ผมก็จะอ่านหนังสือทุกอย่างทุกแนวที่ขวางหน้า เขียนมันทุกวัน เขียนดีไม่ดีก็ขอให้ได้เขียน เพราะความอยากเป็นสั่งใจจนมองว่างานเขียนคือการพักผ่อนรูปแบบหนึ่ง ผมไม่เคยคาดหวังว่างานเขียนของตัวเองจะต้องประสบความสำเร็จ ดีเลิศ ประเสริฐศรี ผมเพียงแต่อยากให้งานเขียนของผมได้สะท้อนถึงสิ่งที่อยู่ในใจกลั่นออกมาเป็นตัวหนังสือ อยากให้ตัวหนังสือมีชีวิต มีอารมณ์ มีความรู้สึก ให้คนอ่านหัวเราะ ร้องไห้ เศร้าสะเทือนและได้เกล็ดความรู้เสริมภูมิปัญญา…แลกเปลี่ยนประสบการณ์แค่นั้นพอ-จบ!
ผมตั้งใจจะเขียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ เขียนจนวันตาย ผมต้องการร้องไห้ออกมาเป็นตัวหนังสือ หัวเราะออกมาเป็นตัวหนังสือ เกลียดชังออกมาเป็นตัวหนังสือ ทั้งหมดทั้งมวลคือเป้าหมายนำชีวิตของผมในอนาคตอีกสเต็ป พูดตรงๆ ทุกวันนี้ผมไม่ได้คาดหวังด้วยซ้ำว่างานเขียนของผมจะประสบความสำเร็จหรือไม่เพราะผมมีความสุขที่ได้เขียน-ได้อ่านได้พักผ่อนไปแล้วหากวันหนึ่งได้รับการยอมรับขึ้นมา ผมก็จะถือว่าเป็นแค่ผลกำไรเท่านั้น
ชื่อเสียง เงิน ทอง เป็นเรื่องสมมุติทั้งสิ้นครับ แต่สิ่งที่จะพยุงชีวิตได้จริงๆ ก็คือเป้าหมายนำชีวิตที่ไม่มีทางไปถึงต่างหาก จากสถาปนิกสู่นักเขียน วันหนึ่งข้างหน้า จากนักเขียนอาจจะอยากเป็นนักท่องอวกาศ นักเดินทางไปกับยานที่ไม่มีวันกลับ จะในรูปแบบเซลล์ หลับจำศีล หรือตัวอ่อนที่ชื่อ Timmy Buto ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
ทุกคนเป็นในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะเป็นได้ครับ ถ้าตั้งเป้าหมายนำชีวิตให้ชัดเจน ถามหัวใจตัวเองดังๆ แล้วรีบสรุปเป้าหมายนำชีวิตให้เร็ว….แรงถีบส่งจะนำทางคุณไปเองอัตโนมัติ ผมใช้คำไม่ผิดนะ ถ้าแรงอยากมีมากๆ-แรงถีบส่งสู่เป้าหมายจะเกิดขึ้นเองอัตโนมัติ…เชื่อผมสิ คุณทำได้และคุณไม่มีวันท้อ ถ้าคุณทำมันอย่างมีความสุข กรุยทางสู่เป้าหมายด้วยความสุขทุกๆ วัน แล้วผลสำเร็จหรือเป้าหมายจะวิ่งเข้ามาชนคุณเอง
ลืมไป….แล้วการตั้งเป้าหมายนำชีวิตก็สำคัญมากๆ นะครับ อย่าประเมินตัวเองต่ำ ให้ตั้งเป้าหมายนำชีวิตเอาไว้สูงๆ ใครจะหาว่าไม่เจียมตัว เชิดใส่อย่าได้แคร์ เปรียบเทียบง่ายๆ กับการตั้งเป้าหมายจะซื้อรถยนต์สักคัน ถ้าคุณตั้งเป้าหมายอยากได้แค่รถมอเตอร์ไซด์แรงถีบส่งที่อยากได้อยากมีก็จะน้อยกว่ารถกระบะรถเก๋งถูกต้องไหมครับ แต่ถ้าคุณตั้งเป้าหมายไว้เลยว่าก่อนตายฉันอยากเป็นเจ้าของเบนซ์สปอร์ต เชื่อเถอะแรงถีบส่งนำชีวิตก็จะสูงกว่าตั้งเป้าอยากได้ TOYOTA HONDA แน่นอน
และหากตะเกียกตะกายแล้วยังไปไม่ถึง-ไม่ได้เบนซ์ ได้แค่ BMW TOYOTA CAMRY หรือ HONDA ACCORD มันก็ยังดีกว่าคุณจะได้แค่มอเตอร์ไซด์ถูกต้องหรือเปล่าครับ เพราะฉะนั้นรีบสรุปตั้งเป้าหมายนำชีวิตซะ สูงเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น แต่ต้องเป็นเป้าหมายนำชีวิตที่คุณอยากจะได้-อยากเป็นจริงๆ ด้วยนะ
ถ้าตั้งส่งเดชจะทำให้คุณท้อได้ง่ายๆ อันนี้ก็ตัวใครตัวมันนะครับ ถามหัวใจ….ให้หัวใจสั่ง เมื่อสรุปลงตัวก็อย่าได้ลังเล พุ่งชนแม่ง! ไปเลยอย่ากลัวเจ็บ เกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียวด้วยกันทุกคน จบหรือเปล่าครับท่านนายกรัฐมนตรีทั้งหลาย….
บทความคิดบวก ความสุขในมุมเล็กๆ ตอน “ตั้งเป้าหมายนำชีวิต” ก็จะออกแนวติดบ่นนิดหน่อย ต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่ก็หวังว่า การตั้งเป้าหมายนำชีวิตของคุณๆ ท่านๆ น่าจะบรรเจิด-อลังการ-งานช้าง ด้วยกันทุกคน ตั้งใจ มุงมั่นเพราะความฝันไม่เคยทำร้ายเราแล้วทำไมเราต้องไปทำลายฝัน…คุณว่าจริงไหม ปรบมือเป็นกำลังใจให้ตัวเองหน่อย….ขอบคุณและสวัสดีครับ