คืนที่ไร้ดาว คุณนายซาอุฯ บทที่11 (ฉบับบ้านโคกอีรวย) นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง
คุณนายซาอุฯ บทที่11
อีก 4 วันต่อมาหลังจากที่ศรีได้คุยกับคุณอำนาจที่ตลาดเรียบร้อยแล้ว วันรุ่งขึ้นเธอก็นำโฉนดที่นาผืนสุดท้ายเข้าไปหาดากับสวัสดิ์พร้อมกับเงินตัดดอกปีแรก การเจรจาพูดคุยเป็นไปอย่างเคร่งเครียด ดาเองก็หมดปัญญาช่วยเหลือ จนสุดท้ายเธอก็ได้แต่รับปากว่าจะช่วยดูที่นา 2 แปลงไม่ให้หลุดไปถึงมือคนอื่น เพียงเท่านั้นศรีก็ร้องไห้ออกมาอีก เมื่อชีวิตเดินทางมาจนถึงวันนี้แล้ว ดากับสวัสดิ์ก็ได้แต่พูดส่งให้เธอสู้อย่าถอยหลังหากไม่มีเงินกลับบ้าน ศรีจึงได้เข้มแข็งขึ้น
คืนที่ไร้ดาว
และในคืนไร้ดาว หลังจากพ่อใหญ่เงินแม่ใหญ่ย้อยและลูกๆ หลับเรียบร้อยแล้ว เสียงกิ่งไม้เคาะประตูรั้วหน้าบ้านเบาๆ ก็ทำให้ศรีสะดุ้ง ก่อนเธอจะถือตะเกียงเดินลงบันไดเข้าไปหา
“อ้าวเจ๊กเตี้ย แม่ใหญ่หงส์มาเฮ็ดหยังค่ำๆ มืดๆ” ศรีถามอย่างคนอดแปลกใจไม่ได้ แต่เธอก็เปิดประตูรั้วนำทั้งคู่เข้าไปนั่งบนแคร่ไม้ไผ่ใต้ถุนบ้าน ไม่นานพ่อใหญ่เงินกับแม่ใหญ่ย้อยที่เดินไม่ค่อยไหวก็ไต่บันไดลงมาสมทบ
“อ้าว! เจ๊กเตี้ยกับยายหงส์ตั้วนั้นแหมะ พวกสูมาเฮ็ดอีหยังค่ำๆ มืดๆ” แม่ใหญ่ย้อยถามขึ้นอีกคน
“มาๆ แม่ใหญ่พ่อใหญ่มานั่งก่อน ดีแล้วละจะได้ปรึกษากันไปทีเดียว” เจ๊กเตี้ยพูดขึ้น ทั้งหมดนิ่งให้แสงตะเกียงทาบทาวับๆ วิบๆ กระทั้งแม่ใหญ่หงส์พูดระดับเสียงพอดี
“เมื่อเช้าเข้าไปซื้อของในตลาด ดากับสวัสดิ์เรียกเข้าไปคุยด้วยเลยรู้เรื่องที่ศรีจะไปช่วยทิดไซที่ซาอุฯ จริงๆ พวกแม่ใหญ่กับพ่อใหญ่เจ๊กเตี้ยต้องขอโทษด้วยเด้อที่มาโดยพละการ และอย่าได้โกรธดากับสวัสดิ์เขาเลยเพราะทั้งคู่ต่างเป็นห่วงจนไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน”
“แม่ใหญ่หงส์ เจ๊กเตี้ย…ข่อยๆ” ศรีจะพูดแต่เจ๊กเตี้ยก็รีบแทรกขึ้นมาก่อน
“ตอนแรกดามันว่าจะรับหนูพรรณลูกสาวมึงไปเลี้ยงและเรียนหนังสือในตลาด แต่กูขอมันเอาไว้เพราะกูกับแม่ใหญ่หงส์บ่มีลูกมีเต้า และเฮา 2 คนก็แอบหลงรักหนูพรรณเหมือนลูกเฮาอยู่แล้วจึงได้ปรึกษากัน และเข้าไปปรึกษาดาเมื่อช่วงบ่ายอีกรอบหนึ่ง เลยสรุปได้ว่า เป็นไปได้ไหม ช่วงที่มึงบ่อยู่ กูกับแม่ใหญ่หงส์จะรับหนูพรรณไปอยู่ด้วย จะรับเลี้ยงมันเป็นลูกบุญธรรมเลยละ”
“เจ๊กเตี้ย….”
“ดาก็เห็นด้วยกับกู ถ้าดามันรับพรรณไปเลี้ยงในตลาด บักพอนกับพ่อใหญ่เงินแม่ใหญ่ย้อยก็จะบ่มีคนช่วยดูแลอีก กูกับเจ๊กเตี้ยเลยตัดสินใจเข้ามาคุยกับมึงนี้ละ และหากแม้นว่ามึงเห็นดีเห็นงามด้วย กูกับเจ๊กเตี้ยก็จะได้ช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับบักพอนลูกชายมึงแม่ใหญ่ย้อยแล้วก็พ่อใหญ่เงินไปด้วย มึงไปเฮ็ดการเฮ็ดงาน ไปช่วยผัวที่ประเทศซาอุฯ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” แม่ใหญ่หงส์พูดยาวในขณะที่แสงตะเกียงก็บอกสถานะ แม่ใหญ่ย้อยเช็ดน้ำตาที่ล้นทะลักออกมาอยู่หลัดๆ
สักครู่ศรีที่นั่งเช็ดน้ำตาอยู่กับแคร่ก็ลงนั่งกับพื้นดินพร้อมกับกราบบนตักแม่ใหญ่หงส์กับพ่อใหญ่เจ๊กเตี้ยในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ขอบคุณหลายๆ แม่ใหญ่หงส์เอ้ย พ่อใหญ่เจ๊กเตี้ยนำ ขนาดพวกเจ้าเป็นคนเจ๊กคนจีนแท้ๆ ยังดีกับครอบครัวคนบ้านโคกอีรวยอย่างข่อยกับลูกๆ ถึงเพียงนี้”
“ถึงเฮาจะเป็นคนเจ๊กคนจีนต่างถิ่น แต่เฮาก็แตกบ้านแตกเมืองได้มาอาศัยมาอยู่กับคนบ้านโคกอีรวยจนเป็นคนบ้านโคกอีรวยแท้ๆ คนหนึ่งไปแล้วละ” แม่ใหญ่หงส์พูด
“ถ้าอย่างนั้นข่อยก็ขอฝากอีพรรณกับบักพอนแน่เด้อ”
“ตอนแรกพวกกูก็คุยกันกะว่าจะรับเป็นลูกบุญธรรมทั้ง 2 คนนั้นละ แต่อยากให้แม่ใหญ่ย้อยกับพ่อใหญ่เงินมีหมู่นอนนำเลยจะดูแลแค่หนูพรรณคนเดียว แต่มึงก็บ่ต้องเป็นห่วง ถึงบักพอนมันจะบ่ได้อยู่กับกู แต่พวกกูก็จะรักมันเหมือนลูกชายอีกคนนั้นละ”
“ขอบคุณ ขอบคุณพ่อใหญ่แม่ใหญ่หลายๆ เฮื้อย!….อีศรีหายใจได้ทั่วท้องแล้วละพ่อใหญ่แม่ใหญ่เอ้ย…ฝากลูกฝากหลาน มันดื้อมันซนก็ตีได้ข่อยอนุญาต ถ้าอีศรีกับบักทิดไซมันบ่ตายจะกลับมาตอบแทนบุญคุณ”
“บ่ๆ…บ่ต้องตอบทงตอบแทนอีหยังดอก พวกกูต่างหากที่ต้องขอบใจหมู่สู เพราะตั้งแต่มื้ออื่นเป็นต้นไปพวกกูก็จะมีลูกมีเต้ากับเขาแล้วละ ฮะ ฮะ ฮะ” เจ๊กเตี้ยพูดพร้อมกับหัวเราะสั้นๆ ถี่ๆ ออกมาให้ได้ยิน ส่วนแม่ใหญ่หงส์ก็ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาอยู่หลัดๆ
“แม่ใหญ่ก็เป็นคนมีกรรมศรีเอ้ย พลัดบ้านพลัดเมืองมา พอโตเป็นสาวกำลังรู้ความแม่ก็มาตายจากไปอีก ถ้าบ่มีเจ๊กเตี้ยปานนี้ก็บ่ฮู้จะอยู่ที่ไหนเหมือนกัน….” แล้วแกก็ดึงมือศรีเข้ามากุมไว้ “มึงไปซาอุฯ อย่าได้ห่วงหน้าพะวงหลัง หอบเงินหอบทองกลับมาถ้าหนูพรรณอยากกลับมาอยู่กับพวกมึงกูกับเจ๊กเตี้ยก็จะไม่ว่า สบายใจได้”
และศรีก็ก้มลงกราบแม่ใหญ่หงส์อีกรอบ ก่อนจะเป็นแม่ใหญ่ย้อยจะยกมือท่วมหัวอีกคน
“สาธุคุณพระคุณเจ้า เจ๊กเตี้ยเป็นคนดี ขอให้พระคุ้มครอง ร่ำๆ รวยๆ ด้วยเถอะ”
“ขอบคุณแม่ใหญ่…ขอบคุณ เฮามันคนบ้านเดียวกัน บ่ต้องเกรงใจ” พ่อใหญ่เจ๊กเตี้ยบอกส่งท้ายก่อนทั้งหมดจะแยกจากกัน
ในคืนไร้ดาว ถึงจะไม่เห็นแสงดาว แต่ก็ยังมีดวงดาวที่ซ่อนอยู่ด้านหลังแผ่นเมฆคอยนำทางให้กับคนหลงทางอยู่ทุกค่ำคืน เสียงลมหนาวพัดใบไม้ตามพื้นป่าเต็งรังดังซ่าๆ แสงตะเกียงน้ำมันก๊าชดับไปแล้ว แต่แสงดาวที่อยู่ในใจของผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าแหลมๆ ที่ชื่อศรีกลับสว่างขึ้นมาแทนที่
“สาธุ สาธุ สาธุ คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองดูแลลูกๆ แม่เฒ่าๆ กับพ่อแก่ๆ แทนลูกด้วย คุณนายซาอุฯ สำหรับชีวิตลูกคงรอลูกอยู่ประเทศซาอุดิอาระเบียแล้วแม่นบ่ถึงได้นำทางชีวิตลูกมาถึงตรงนี้และได้โปรดช่วยนำทางชีวิตคุณนายซาอุฯ คนนี้ไปให้ตลอดรอดฝั่งด้วยเถอะ สาธุ สาธุ สาธุ”
………
อีก หลายวันต่อมา
อยู่ๆ รถกระบะตำรวจก็วิ่งตามทางเกวียนมาจนถึงบ้านโคกอีรวย มันยังไม่น่าตกใจเท่ากับกลุ่มคนที่นั่งมาด้านหลังรถกระบะคันนั้น และเมื่อรถตำรวจวิ่งออกจากหมู่บ้านไปเรียบร้อยแล้วเสียงพูดคุยจากบ้านต่อบ้าน หลังคาต่อหลังคาก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ
“อีคุณนาย คุณนายไรรา อยู่บ้านบ่” บัวไหลยืนหน้าตื่นเรียกไรราเบาๆ จนคุณนายเล็บแดงที่ลงคิ้วยังไม่จบก็ยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่าง
“มีอีหยังเอื้อยบัวไหล”
“ลงมานี้เลยเร็วๆ”
“โอยมีหยังก็เว้ามาโลด คนกำลังเขียนคิ้วอยู่”
“คุณนายบ่อยากฮู้บ่ ว่ารถตำรวจมาเฮ็ดอีหยัง (ทำอะไร) ในหมู่บ้านของเฮา…ถ้าบ่อยากฮู้ก็แล้วแต่เด้อ” ทันทีที่บัวไหลทำท่าจะเดินกลับหลังบ้าน คุณนายไรราก็กระวีกระวาดหน้าตื่นๆ วิ่งลงบันไดมายืนข้างรั้ว
“เอื้อยบัว เอื้อยบัวไหลมีอีหยัง เร็วๆ ตำรวจเข้ามาบ้านเฮาเฮ็ดหยัง” คุณนายไรราเร่ง ขณะที่ลิปสติกยังเลอะมุมปากไม่ทันเช็ด “อยากตายบ่เอื้อยไหล ถ้าบ่อยากตายให้มาไวๆ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า กูก็นึกว่าคุณนายบ่สนใจ” บัวไหลเดินกลับมาทำตาลุกวาวกระซิบใกล้ๆ
“เร็วๆ….ตำรวจเข้ามาเฮ็ดหยังบ้านเฮา”
บัวไหลกระพือผ้าถุงไปมาก่อนจะหน็บข้างๆ เอวก่อนจะโบกมือให้ไรรานั่งลงข้างๆ รั้วไม้ไผ่แบบคนกลัวความลับจะเปิดเผย ไรราเห็นท่าทีน่าสนใจเลยนั่งตามพร้อมกับเอียงหูเข้าไปใกล้ๆ
“ตำรวจมาส่งคนงานชุดลุงสักที่แกจะไปเฮ็ดงานประเทศซาอุเมื่อวันก่อน”
“อ้าว!….”
“มึงเงียบๆ นี้เป็นความลับของคุ้มโรงเรียนกับบ้านมะกอกโดยเฉพาะ”
“ตกลงบ่ได้ไปบ่ เป็นหยัง อีสำลียังจัดพริกคั่ว ปลาแดกบอง (ปลาร้าสับ) ลงกระเป๋าให้ลุงสักอยู่เลย”
“บ่ๆ มึงฟังกูดีๆ….เมื่อวานก่อนมีคนมารับที่ตลาดพร้อมกับจ่ายเงินงวดสุดท้ายแม้นบ่ แล้ว แล้ว”
“แล้วอีหยัง อีห่าขั่วมึงเร็วๆ…”
“เขาก็เอารถกระบะมารับที่ตลาด อีสำลี อีลาน อีดวน อีอ้วนบ้านมะกอกก็ไปส่งผัวแม่นบ่”
“อีบัวไหล มึงอยากตายตี้!….ข้ามไปโลดซุม (ซุม=พวก) อยากเป็นคุณนายซาอุฯ แบบเฮานะ” ไรราเร่งพร้อมกับขยับเท้าเข้าหาอีก
“เขาเอาพวกลุงสัก ทิดสี ทิดยน ทิดมืดบ้านเฮากับบ้านมะกอกอีก 12 คนไปทิ้งไว้ สนามบินดอนเมือง 2 วัน 2 คืน แล้วก็หายหัวเข้ากลีบเมฆไปเลย”
“ตกลงบ่ได้ไปบ่”
“อีห่าคุณนาย มันจะได้ไปบ่ละตำรวจถึงได้มาส่งถึงบ้านนะ”
“แม่นอีหลีติ (ใช่จริงเหรอ)”
“แม่นบ่แม่นอีสำลีก็เกือบผูกคอตายไปแล้ว เสียเงินเสียคำเกือบแสนโดนหลอกไปซาอุ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ไรรานิ่งคิดก่อนเธอจะค่อยลุกยืนพร้อมกับเฉิดฉายรอยยิ้มบางๆ ออกมาทางมุมปาก “หึๆ….เสียแค่ 6หมื่นห้า ถูกกว่าผ้วมึงครึ่งต่อครึ่ง โรคก็บ่ต้องไปตรวจให้เสียเวลา พลาสปอร์ตแค่เอารูปถ่ายไปให้เขาก็ทำให้หมด ถุย!….สมน้ำหน้าคิดจะมาเทียบรัศมีคุณนายไรรา พวกขี้คอกก็ยังขี้คอกวันยันค่ำละว้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” และเธอก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมายาวเยียดจนบัวไหลตกใจลุกถอยห่างไปหลายก้าว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า อีคุณนายไรราสะใจอีหลีโว้ยแม่มึง….สมน้ำหน้า สมน้ำหน้า ให้มันฮู้บ้างว่าอีไรราเป็นไผ แหมอีสำลี มึง มึงริอาจมาเทียบกับคนอย่างกู ดี ดี จะให้พาไปซื้อทอง ซื้อเสื้อผ้า ซื้อลิปสติก…ไปดูหนังหน้ามึงก่อนไปอีห่าลาก ฮ่า ฮ่า ฮ่า อีคุณนายไรรามีความสุขจริงๆ โว้ย! ฮ่า ฮ่า ฮ่า….”
“คุณนาย คุณนาย เป็นหยัง (เป็นอะไร)”
“เอื้อยบัวไหลไปเอาเหล้าขาวมา มื้อนี้คุณนายไรราเลี้ยงเอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
…………
และคืนไร้ดาวก็ยังมืดมนไม่จบสิ้นสำหรับอีก 4 ครอบครัวในบ้านโคกอีรวย และ 12 ครอบครัวของบ้านมะกอก ลาวต้มลาว จึงเป็นสำนวนยอดฮิตในบ้านโคกอีรวยขึ้นมาทันที
……….
…เพียงเพราะความแร้นแค้น จึงไผ่หา…
…เพียงอยากลืมตาอ้าปากที่หิวโหย…
…เพียงอยากเห็นลูกเมียไม่อิดโรย…
…จึงต้องโกยไปข้างหน้าเพื่อหางาน…
…ใยสวรรค์จึงปิดฟ้า….
…ใยนภาถึงมืดหมอง…
…ใยดวงดาวจึงไร้แสงที่เรืองรอง…
…ใยลาวต้องต้มลาวให้คาวคราง…
……….
“กูกะคนคือกัน กูกะแค่อยากมีงาน อยากเห็นลูกเห็นเมียอิ่มท้อง อยากลืมตาอ้าปาก อยากมีปัจจัย 4 เท่าๆ กับคนอื่นๆ….เป็นหยัง เป็นหยังเฮ็ดกับกูแบบนี้….สวรรค์เอ้ยสวรรค์ ได้ยินเสียงกูบ่ สูพวกเทวดานางฟ้าทั้งหลายได้ยินเสียงกูบ่ ได้ยินเสียงหมู่ข่อยบ้างหรือไม่!!!!!!!!!!”
………
จบ คืนที่ไร้ดาว คุณนายซาอุฯ (ฉบับบ้านโคกอีรวย) บทที่ 11