คิดเปลี่ยนเขาเปลี่ยนเราง่ายกว่า ไม่มีใครได้ดั่งใจเราเสมอไป
การที่เห็นแต่ความผิดและข้อบกพร่องของคนอื่นและคิดอยากให้คนอื่นปรับปรุง ยังไม่ได้ประโยชน์เท่ากับเห็นความผิดและข้อบกพร่องของตนเอง รวมทั้งรีบแก้ไขปรับปรุงตัวเราเอง เปลี่ยนแปลงตัวเอง การที่จะเปลี่ยนแปลงคนอื่นนั้นเป็นไปได้ยาก เพราะกว่าเขาจะสั่งสมนิสัยและพฤติกรรมเหล่านี้มา ก็ใช้เวลามานานหลายสิบปี ถ้าคิดจะเปลี่ยนคนๆ หนึ่งในเวลาไม่กี่วัน หรือจะให้เป็นให้ได้ดั่งใจเราในเวลาไม่นานนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก หรืออาจทำไม่ได้เลย แล้วคนที่ทุกข์เพิ่มขึ้นก็ไม่ใช่ใคร กลับเป็นตัวเรานั่นเอง
คิดเปลี่ยนเขาเปลี่ยนเราง่ายกว่า
ในเมื่อเปลี่ยนคนอื่นยาก ดังนั้นสิ่งที่เปลี่ยนได้ง่ายกว่ากันมาก คือการเปลี่ยนที่ตัวเราเอง โดยอย่างแรก คือเปลี่ยนความคิดและมุมมองของเราเองต่อสิ่งที่กำลังเผชิญหน้าให้ได้ เพราะการปรับใจเรานั้นง่ายกว่า ว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้ใจตัวเองไม่ทุกข์ ขณะที่ต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมและบุคคลที่ทำให้ทุกข์
เรื่องที่จะเล่าในช่วงต่อไปนี้ได้จากเรื่องเล่าผ่านทางมือถือที่จะเล่าส่งกันต่อๆ กันมาจึงไม่รู้ ที่มาของเรื่อง แต่เห็นว่ามีสาระน่าคิดจึงขอนำมาเผยแพร่ผ่านทาง ห้องพระ ทรงอาจดอททูเดย์ อีกครึ่งหนึ่ง
มีผู้ทรงศีลท่านหนึ่งกำลังนั่งทำสมาธิข้างริมน้ำ ได้ยินเสียงดิ้นรนในน้ำก็ลืมตาขึ้น เห็นแมงป่องตกอยู่ในน้ำ ท่านก็ใช้มือช้อนมันขึ้นมา ขณะเดียวกันแมงป่องก็ชูหางขึ้นแล้วต่อยไปที่มือท่าน ท่านปล่อยแมงป่องลงที่ฝั่งแล้วหลับตาทำสมาธิต่อ ผ่านไปสักครู่ก็ได้ยินเสียงดิ้นรนในน้ำอีก ท่านลืมตาขึ้นเห็นแมงป่องตกลงไปในน้ำอีก ก็เอามือช้อนมันขึ้นมาอีก แน่นอนแมงป่องก็ต่อยไปที่มือท่านอีก ท่านก็หลับตาทำสมาธิต่อ ผ่านไปสักครูู่เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นซ้ำอีก
ชาวประมงที่อยูู่ข้างๆ ก็พูดขึ้น “ท่านทำไมช่างโง่จัง ไม่รู้หรือว่าแมงป่องมันต่อยคน?”
ผู้ทรงศีลตอบว่า “รู้…โดนมันต่อยสามครั้งแล้ว”
“แล้วท่านทำไมยังจะช่วยมันอีก”
ผู้ทรงศีล “การต่อยคนเป็นสัญชาตญาณของมัน แต่ความเมตตาเป็นสัญชาตญาณของเรา สัญชาตญาณของมันไม่สามารถเปลี่ยนสัญชาตญาณของเรา”
ขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงดิ้นรนในน้ำอีก แมงป่องตัวเดิมนั่นแหละ ท่านไม่รอรีเตรียมที่จะช้อนมันขึ้นมาด้วยมือที่บวม ขณะเดียวกันชาวประมงก็ยื่นกิ่งไม้ให้ผู้ทรงศีล ท่านก็นำกิ่งไม้ช้อนแมงป่องขึ้นมา
ชาวประมงยิ้มและพูดว่า “ความเมตตานั้นดี ในเมื่อมีความเมตตาต่อแมงป่องก็ต้องมีความเมตตาต่อตัวเองด้วย ฉะนั้นความเมตตาต้องมีวิธีการของความเมตตา ต้องดูแลตัวเองให้ดีถึงจะมีสิทธิ์ไปช่วยผู้อื่น”
นิทานเรื่องนี้สอนให้เราได้คิดและรับรู้แต่จะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของผู้นั้นจะรับได้
สัญชาตญาณของแมงป่อง มันต่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้าใกล้มันเป็นสัญชาตญาณของการป้องกันตัวเอง มันไม่มีความรู้หรือความคิด หรือความกตัญญูต่อผู้ที่ช่วยมันขึ้นจากการจมน้ำตาย ความเมตตาที่ผู้ทรงศีลหยิบยื่นให้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนมันได้ ผู้ทรงศีลผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตาถึงแม้จะโดนแมงป่องต่อยถึง 3 หนจนมือบวมเพราะพิษแมงป่อง หนที่ 4 ก็จะใช้มือช่วยอีก ชาวประมงก็ยื่นกิ่งไม้ให้ช่วยแมงป่อง เมื่อเมตตาแมงป่องก็ต้องเมตตาต่อตัวเองด้วย และต้องมีวิธีการของความเมตตา คือไม่ให้ความเลวของผู้อื่นมามีอิทธิพลกับความดีของเรา จงอย่าทอดทิ้งความดีของเราเพราะความเลวของผู้อื่น
ถ้าทุกคนเห็นความสำคัญที่จะปรับปรุงตนเอง และรักษาความดีงามของตนเองไว้ สังคมที่มีปัญหาที่คิดว่าแก้ยากก็จะลดลงมากมาย เพราะการแก้จากใกล้ตัวนั้นแก้ง่ายกว่าไกลตัว แม้แต่ต้นไม้ดอกไม้ ก็ยังรู้จักการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เช่นต้นไม้เอื้องหมายนา ปกติจะขึ้นตรงๆ แต่ถ้ากอไหนขึ้นหนาแน่นมีใบมาก ก็จะทำให้มันแย่งกันสูงขึ้น เพื่อรับแสงแดด มีบางต้นที่เปลี่ยนตัวเองโดยเอนกิ่งออกไปเลยดูมีลีลา เวลาตัดมาจัดแจกันทำให้ดูสวยงามแปลกตามากกว่าต้นตรง นี่แหละลีลาของธรรมชาติ
รวบรวมและเรียบเรียงธรรมะดีๆ โดย พเยาว์