ความยึดมั่นถือมั่นเป็นทุกข์ ธรรมะ จาก ห้องพระ
ความยึดมั่นถือมั่นเป็นทุกข์
ผู้คนทั้งหลายทั่วๆ ไปในสังคมไม่ว่าใครก็ตาม ต่างก็มีความรู้สึกยึดเหนี่ยวผูกพันในตัวเอง และยึดมั่นถือมั่นติดอยู่ในอุปนิสัยด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งลักษณะทั้งสองนี้มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันฉันท์พี่น้องเลยทีเดียว
เมื่อพิจารณาดูปัญหาต่างๆ ที่สลับซับซ้อนจะพบว่า การที่เราไม่สามารถแก้ไขปัญเหล่านั้นให้ลุล่วงไปได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะมาจากการยึดมั่นถือมั่นเกือบทั้งนั้น บางคนที่มีความยึดมั่นถือมั่นในตำแหน่งหน้าที่ ผลสุดท้ายเลยต้องพลาดโอกาสไป อันนี้เป็นเพราะไปยึดตัวเราของเราและมีความยึดมั่นถือมั่นนั่นเอง
เรื่องเล่าวันนี้เป็นเรื่องกาตัวหนึ่งที่ยึดมั่นถือมั่นอยู่กับความคิดของตัวเอง มีพญาช้างตัวหนึ่งหากินอยู่บนยอดเขา วันหนึ่งก็ลงไปพบหญ้าเขียวชอุ่มอยู่ที่ในบึง จึงลงไปกินด้วยความเพลิดเพลินจนกระทั่งเดินหลงเข้าไปติดในหล่มและถึงแก่ความตาย ร่างกายก็อืดพองลอยไปตามกระแสน้ำ ขณะนั้นมีกาตัวหนึ่ง มองเห็นซากช้างลอยมา ก็บินไปจิกกินเป็นอาหาร จวบจนกระทั่งซากช้างลอยออกไปนอกฝั่งทะเล ณ ที่ฝั่งทะเลเป็นปากอ่าว มีเกาะอยู่เกาะหนึ่งอุดสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารและนานาสัตว์
เหล่าสัตว์บนเกาะเห็นกาจิกซากช้างที่ลอยมาเช่นนั้น ก็ให้สงสาร จึงร้องเรียกให้กาขึ้นไปอยู่บนเกาะด้วย ฝ่ายกาก็ร้องตอบว่า “ชั่วชีวิตนี้ข้าสบายแล้วเพราะซากช้างนี้กินเท่าไหร่ก็ไม่หมด ข้าไม่ขึ้นไปอยู่ด้วยบนเกาะนั่น” หลายวันต่อมา ซากช้างลอยลึกออกไปนอกทะเล เกิดการเน่าเปื่อย ผุพัง จมหายไปในทะเล
ฝ่ายกาครั้นซากช้างจมหายไปในทะเลลึกก็ไม่มีที่เกาะกิน เมื่อรู้สึกตัวคิดผิดก็สายเสียแล้ว บินเข้าหาฝั่ง แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ มองไปทางไหนมีแต่น้ำกับฟ้าในที่สุดก็หมดเรี่ยวแรงตกน้ำทะเลตาย เปรียบปุถุชนเหมือนกาที่เกาะจิกกินซากช้าง หรือเป็นผู้ข้องติดอยู่ในโลกีย์ ใครจะเตือนอย่างไรก็ไม่เลิกละ ก็เลยไม่มีทางข้ามพ้นกิเลสได้ พญาช้างผู้หากินบนยอดเขาสูง เปรียบได้กับผู้มีกิเลส พอไปเห็นสิ่งยั่วเย้าในกิเลสก็นึกว่าเป็นของวิเศษและลงไปติดอยู่ในโลกีย์
ในที่สุดกาก็ตายด้วยความยึดมั่นถือมั่นตัวเอง ยึดเนื้อช้างเป็นอาหารถาวร หารู้ไม่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่จีรังยั่งยืน ตายแล้วก็เน่าเปื่อย การแตกสลายนี้ คือสัจธรรมของสิ่งที่มีชีวิต
รวบรวมและเรียบเรียงธรรมะดีๆ โดย พเยาว์